เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันนี้ 5 ก.ย.61 พ.ต.อ.กิตติ อริยานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า หลังจากเปิดใช้กล้องเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือ กล้องเลนเชนจ์ ไปตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ เป็นเวลากว่า 4 เดือน ตรวจจับผู้กระทำความผิด ปาดแซงเส้นทึบ บริเวณทางขึ้นสะพานข้ามแยก หรือ ทางอุโมงค์ลอดทางแยก ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งหมด15 จุด ออกใบสั่งไปแล้ว 1.6 แสนใบ โดยพบว่ามีประชาชนมาชำระค่าปรับ ประมาณร้อยละ 30 หรือ ประมาณ 14,086 รายเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีการส่งหนังสือเตือน ให้ผู้ที่ได้รับใบสั่งไปแล้ว แต่ยังไม่มาดำเนินการชำระค่าปรับตามที่ระยะเวลาที่ระบุในใบสั่งไปแล้วกว่า 70,000 ราย ทั้งนี้หากผู้ที่ได้รับใบสั่งไปแล้ว ไม่ยอมมาชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จะมีการบันทึกข้อมูลลงในระบบพีทีเอ็ม (Police Ticket Management) ของตำรวจทุกครั้ง เพื่อเตรียมฐานข้อมูลไว้ สำหรับเชื่อมกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งผู้ที่มีการสะสมใบสั่ง แล้วไม่ยอมมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนมาก จะต้องถูกปรับย้อนหลังทุกใบ เนื่องจากการกระทำความผิดตาม พรบ.จราจรทางบกจะมีอายุความ 1 ปี

สำหรับผู้ที่โดนใบสั่ง เจ้าหน้าที่มีขั้นตอนดำเนินการชำระค่าปรับภายใน 15 วัน หากยังไม่มา จะส่งหนังสือเตือน ให้มาชำระค่าอีกครั้งภายใน 30 วัน หากยังไม่มาอีก ระบบจะส่งข้อมูลไปยังขนส่งฯ หลังจากนั้นหากไปชำระภาษีประจำปี เจ้าหน้าที่ขนส่งฯ จะแจ้งยอดค่าปรับที่ค้างชำระ โดยประชาชน สามารถจ่ายกับกรมขนส่งฯ ได้ทันที หรือ จะไปชำระค่าปรับกับ สน.พื้นที่ที่ออกใบสั่งก็ได้ แล้วเอาใบเสร็จมายื่นต่อภาษีแต่หากยอมไม่ชำระแล้วไปต่อภาษีเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ จะออกป้ายกำกับการเสียภาษีชั่วคราว ที่มีอายุ 30 วัน ให้เท่านั้น และหากพ้นกำหนดแล้ว ยังไม่ยอมจ่ายค่าปรับ เจ้าหน้าที่จะส่งข้อมูลไปแก่พนักงานสอบสวน เพื่อให้ออกหมายเรียกมาชำระค่าปรับตามระยะเวลาที่ระบุในหมายเรียก หากยังเพิกเฉยถือว่าขัดคำสั่ง จะถูกออกหมายจับทันที