เปิดผลชันสูตรศพ สาวติดเชื้อเอชไอวี มา 1 ปีก่อนไปสัก พร้อมเพื่อนรวม 4 คน หลังพ่อเอาใบรับรองแพทย์ให้ดู สุดเศร้าตั้งศพสวดที่วัด ยังคาใจติดเชื้อจากการสัก
จากกรณี นายพิธญ์ชยุตม์ พันพิมพ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 บ้านน้อยสนามบิน ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ได้รับแจ้งว่ามีลูกบ้านสาววัย 22 ปี เสียชีวิตหลังไปสักลายที่คลองหลอดกับเพื่อนรวม 4 คน ก่อนเสียชีวิตทั้ง 4 คน ภายในระยะเวลา 1 เดือน โดยตั้งศพบำเบ็ญกุศลไว้ที่วัดวิเวศธรรมคุณ (วัดนาฮุง) บ้านน้อยสนามบิน ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 2 ก.ย. นางอุภัยพร มหานิน นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย เข้าไปรับทราบข้อมูลพร้อมให้ความช่วยเหลือในระเบียบของราชการกับผู้เสียชีวิต
นางอุภัยพร เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวตนได้รีบเข้ามาพบผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้น โดยจากนี้ก็จะมีขั้นตอนการสอบข้อมูล ทั้งผู้เสียชีวิต และผู้ปกครอง เพื่อที่จะนำข้อมูลไปเข้าที่ประชุมในรูปคณะกรรมการ และหลังจากนั้นก็จะเป็นการมอบเงินให้การช่วยเหลือ
ด้านนางป่าน (นามสมมุติ) พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนอยู่กับแฟนขายล็อตเตอรี่อยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนหน้านี้ก็โทรหากันอย่างเดียว นานๆ เจอกันที เท่าที่คุยกันน้องก็บอกว่าไปสักลายมาที่ข้อเท้า หลังจากนั้นมาก็บ่นๆ ว่าปวดท้อง แล้วก็มารู้ผลอีกทีที่โรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ ว่าเป็นเชื้อเอชไอวีระยะสุดท้ายแล้วพ่อก็ทำใจ ส่วนก่อนหน้านี้น้องก็มีแฟน แต่พอน้องรู้ว่าติดเชื้อเอชไอวี จึงได้บอกแฟนไม่ต้องมายุ่ง แต่แฟนน้องไม่ได้ติดเชื้อด้วย
ขณะที่พ่อของผู้เสียชีวิต ได้นำใบรับรองแพทย์ จากโรงพยาบาลนครพิงค์มาให้ดู ซึ่งระบุว่าลูกสาว ติดเชื้อเอชไอวีขั้นที่ 3 พร้อมกับนำหนังสือรับรองการตายที่โรงพยาบาลเลยออกให้มาให้กับทางผู้สื่อข่าวดู ว่าโรคที่เป็นสาเหตุการตาย ระยะเริ่มต้นตั้งแต่เป็นโรคจนกระทั่งเสียชีวิต มีด้วยกัน 3 โรค Hypovolemic Shock (ช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ) เป็นมาได้ 14 วัน โรค Acute Diarrhea (อุจจาระร่วงเฉียบพลัน) เป็นมาได้ 14 วัน และโรค Human Immunodeficiency Virus Infection (HIV) เป็นมาได้ 1 ปี ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูคำให้สัมภาษณ์ของผู้เป็นพ่อระบุว่า ลูกสาวไปสักลายเมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งมาเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเชื้อเอชไอวีที่เป็นอยู่ไม่น่าจะติดมาจากการสักลายที่คลองหลอด เนื่องจากผู้เสียชีวิตติดเชื้อเอชไอวีมาก่อนหน้านี้แล้ว
ผู้เป็นพ่อกล่าวต่ออีกว่า ลูกสาวได้ไปอยู่กับน้าที่ กทม. ประมาณ 5 ปีแล้ว แล้วก็ไปๆ มาๆ ระหว่าง จ.เลย เพื่อมาหาพ่อ และไป จ.เชียงใหม่ เพื่อไปอยู่กับป้า ก่อนหน้านี้ลูกสาวก็มีสุขภาพแข็งแรง เพิ่งจะโทรมาบ่นกับพ่อเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าปวดท้องบ่อย และทราบว่าติดเชื้อขั้นที่ 3 เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เริ่มทรุดหนักวันที่ 17 ส.ค. กระทั่งเสียชีวิตในวันที่ 31 ส.ค.