เดลี่เมล์ และเดอะซัน เปิดเผยกรณีล่วงละเมิดทางเพศที่เกาะเต่า หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตกเป็นกรณีฉาวโลกจากเหตุฆาตกรรมนายเดวิด มิลเลอร์ และน.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ สองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2557 ซ้ำร้ายยังมีคดีฆ่าและข่มขืนเกิดขึ้นหลายครั้ง จนสื่อนอกตั้งฉายาให้เกาะเต่าว่าเป็นเกาะแห่งความตาย
กรณีล่าสุดเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวสาววัย 19 ปีซึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เนื่องจากยังเป็นผู้เยาว์ตามกฎหมาย โดยหญิงสาวเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะเต่าเมื่อเดือนมิ.ย. ในคืนเกิดเหตุหญิงสาวดื่มกับเพื่อนชาวอังกฤษที่ร้านฟิชโบลว์บาร์ และลีโอบาร์ ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีในตอนเช้าก็ปรากฏว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าอยู่บนหาดทรายรี ข้างๆ มีชายคนหนึ่งนอนอยู่ด้วยแต่ต่อมาหลบหนีหายไป ผู้เสียหายระบุว่ารุดแจ้งความกับตำรวจอำเภอเกาะพะงันว่าถูกกระทำชำเรา แต่เจ้าหน้าที่กลับเพิกเฉย และลงบันทึกเพียงว่าเป็นเหตุลักทรัพย์ มีโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 และเงินสดราว 3,000 บาทถูกขโมยไป กระทั่งในวันที่ 2 ก.ค. หญิงสาวเดินทางกลับบ้านไปประเทศอังกฤษ จากนั้นเข้าแจ้งความกับตำรวจ พร้อมหลักฐานเสื้อยืดที่ใส่ในวันเกิดเหตุและคาดว่าจะมีดีเอ็นเอของคนร้าย
ล่าสุดพ.ต.อ.สถิตย์ คงเนียม ผกก.สภ.เกาะพะงัน ชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า ช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษพร้อมเพื่อนชายได้เข้าแจ้งความที่โรงพัก ว่าทรัพย์สินสูญหายบนเกาะเต่า พนักงานสอบสวนจึงจะให้ไปแจ้งความที่สภ.เกาะเต่า เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุ แต่ทั้ง 2 คนอ้างไม่สะดวก เจ้าหน้าที่จึงรับแจ้งความไว้ โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนระบุว่าจะนำไปยื่นกับบริษัทประกันที่ทำไว้ และไม่ได้แจ้งหรือระบุว่าโดนข่มขืนหรือถูกทำร้ายร่างกายมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับแจ้งความของหายตามที่ผู้เสียหายต้องการ จากนั้นทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับประเทศและมีข่าวระบุว่าโดนข่มขืนที่เกาะเต่า
พ.ต.อ.สถิตย์ กล่าวอีกว่า หลังมีข่าวเช่นนี้ออกมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบาร์และร้านที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง รวมถึงสอบปากคำพยานบริเวณจุดที่อ้างว่าโดนข่มขืน เพื่อนำข้อมูลและข้อเท็จจริงมาประกอบกัน