เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

มนุษย์ยายหัวร้อน” จอดรถหน้าอาคารผู้โดยสาร เลยโดน รปภ.สนามบินเชียงใหม่ล็อกล้อ โมโหจัดเหยียบคันเร่งกระบะขับพุ่งชนอาการสาหัส ขณะที่มีรถเสียหายจากเหตุครั้งนี้หลายคัน ตร.คุมตัวดำเนินคดีแล้ว

เรืออากาศโท วศิน พลนาวี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ รักษาการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนเจ้าหน้าที่จราจร ของบริษัทรับจ้างรักษาความปลอดภัยและจัดการจราจร ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ขณะปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกและจัดการจราจร บริเวณหน้าประตูหมายเลข 5 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลและเลือดไหลทั่วร่างกาย ขาข้างซ้ายผิดรูป

ต่อมาทาง พ.ต.ท.ธงชัย บัวเงิน รองผกก. สอบสวน สภ.ภูพิงค์ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บคือนายวัชระ ไชยวงศ์ พนักงานบริษัท เอ็มเอไออินเตอร์เนชันแนล ทำหน้าที่ดูแลการจราจรบริเวณถนนหน้าอาคารโดยสาร ได้รับบาดเจ็บกระดูกขาหัก ทางเจ้าหน้าที่รีบนำตัวให้แพทย์ทำการรักษา และบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นหน้าอาคารโดยสารภายในประเทศ มีรถถูกชน 4 คัน รถต้นเหตุคือรถกระบะ โตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน กร 4459 เชียงใหม่ มีนางภัทรา บุญเฉลียว อายุ 69 ปี ชาว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้ขับขี่ ได้ไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋งฟอร์ด ทะเบียน ขง 4908 เชียงใหม่ รถตู้ ทะเบียน 3ล3269 เชียงใหม่ รถเบนซ์ ทะเบียน ฆข 3 กรุงเทพ และรถฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน คฉ 5751 พะเยา โดยทุกคันมีร่องรอยของการถูกชน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนางภัทรา ซึ่งมาส่งเพื่อนที่สนามบินและจอดบริเวณที่ห้ามจอด นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงถูกเจ้าหน้าที่ล็อกล้อรถ ทำให้นางภัทรา ต้องเสียค่าปรับ 400 บาท และมีการโวยวายเจ้าหน้าที่ หลังการเสียค่าปรับ นางภัทรา ก็ออกมา เจ้าหน้าที่จราจรของสนามบินได้ปลดล็อกให้ เมื่อนางภัทรา ขึ้นรถเพื่อขับออกไป จู่ๆ ก็ขับพุ่งชนนายวัชระ ที่ยืนอยู่กลางถนนคอยโบกรถ ได้รับบาดเจ็บขาหัก และพุ่งไปชนรถที่จอดอยู่ข้างหน้า-อยู่ข้างขวา ทำให้รถทั้ง 4 คันเสียหาย ก่อนนางภัทรา ลงจากรถมีอาการเหมือนคนจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมเชิญญาติมาที่ สภ.ภูพิงค์ โดยนายดล ใจไหว อายุ 41 ปี คนดูแลของนางภัทรา ได้นำใบรับรองการรักษาโรงพยาบาลประสาท มาให้เจ้าหน้าที่ดู ระบุว่า เป็นโรคอัลไซเมอร์ และโรคพากิลสัน กำลังอยู่ในระหว่างรักษา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวนางภัทรา ก็จำอะไรไม่ได้ แต่ญาติพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด รวมถึงการดูแลคนเจ็บ และยอมรับผลทางคดีความ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตั้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนข้อหาอื่นกำลังรอผลการตรวจจากแพทย์ และจะได้เชิญนางภัทรา มาสอบปากคำและแจ้งข้อหาต่อไป.