เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
 จากกรณีที่ นายประเสริฐ ใจเรือน อายุ 44 ปี ถูกกลุ่มเด็กอายุประมาณ 12-14 ปี ราว 4-5 คน รุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตได้เข้าไปแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วที่ สภ.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

เด็กรุมตีชายสติไม่ดีจนตาย

ได้รายงานความคืบหน้ากรณีนี้ว่า ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่เกิดเหตุ พบว่าชาวบ้านหลายคนยังรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของเด็กกลุ่มต้องสงสัย พร้อมวอนให้ตำรวจจับตัวไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในชุมชน และเป็นภัยต่อสังคม

          นายสุชาติ เทพศรี อายุ 50 ปี เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่ง บอกว่า เห็นเด็กกลุ่มนี้วิ่งเล่นอยู่บริเวณหน้าร้านเป็นประจำ ส่งเสียงเอะอะโวยวาย สร้างความรำคาญให้กับคนในร้าน ทั้งนี้ทราบว่านายประเสริฐถูกเด็กกลุ่มนี้รุมทำร้ายอยู่ภายในวัดในชุมชน ก่อนจะมารุมทำร้ายต่อที่ศาลากลางประชาคม จนเสียชีวิต ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวกลุ่มเด็กไปที่โรงพัก ผ่านไป 1 วัน ก็ปล่อยตัวออกมา
เด็กรุมตีชายสติไม่ดีจนตาย

 

          นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กได้ไปพูดคุยโอ้อวดให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนฟังว่า ตัวเองฆ่าคนตายแล้วไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้น ตนจึงอยากให้เขียนกฎหมายให้รุนแรงมากกว่านี้ เพราะมองว่าการที่กฎหมายของไทยอ่อนเกินไป อาจจะทำให้เยาวชนย่ามใจ หันมาก่อเหตุรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น
          ขณะที่ชาวบ้านคนอื่น ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกสงสารผู้ตาย อยากให้ตำรวจจับตัวเด็กกลุ่มไปดำเนินคดีให้หมด คดีฆ่าคนเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ และไม่อยากให้คดีนี้จบลงด้วยการปล่อยตัวผู้ก่อเหตุออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับบอกด้วยว่านายประเสริฐ ผู้เสียชีวิต เป็นคนไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร และยังเป็นที่รักของพ่อค้า แม่ค้าในตลาด เพราะชอบมาช่วยเหลือขนของให้กับคนในตลาด
เด็กรุมตีชายสติไม่ดีจนตาย

ด้าน พลตำรวจตรี วัชรินทร์ บุญคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ได้ติดตามจับกุมเกลุ่มด็กชายมาดำเนินคดีแล้ว ซึ่งเด็กรับสารภาพว่าทำร้ายร่างกายผู้ตายจริง ส่วนผลจากการทำร้ายร่างกายนั้นจะถึงขั้นเสียชีวิตหรือไม่ จะต้องรอผลพิสูจน์จากแพทย์ก่อน จึงจะแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งตามขั้นตอนของกฏหมายจะต้องมีสหวิชาชีพมาร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเป็นเด็กและเยาวชน

ยืนยันว่าตำรวจดำเนินคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้มีการช่วยเหลือหรือเข้าข้างบุคคลใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้จากการสอบประวัติเด็กที่ก่อเหตุ พบว่าเคยถูกตำรวจจับกุมตัวในข้อหาขโมยทรัพย์สินและก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนมาแล้ว และนำตัวส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก แต่เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาเด็กกลุ่มนี้ก็กลับมาก่อเหตุอีก