เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 28 ก.ค.61 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันแล้วเสียหลักพุ่งเข้าไปในปั้มน้ำมัน ชนกับหัวจ่ายน้ำมันจนเกิดเพลิงลุกไหม้ เหตุเกิดภายในปั้มน้ำมันปตท. สาขาสุขาภิบาล 3 ถนนรามคำแหง (ซอยรามคำแหง 193) แขวง-เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 199 และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของสถานีดับเพลิงบางชัน เข้าควบคุมสถานการณ์ ดำเนินการใช้น้ำยาเคมี ควบคุมเเสงเพลิง

จากการตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ มีตู้จ่ายน้ำมันทั้งหมด 4 ตู้ รวม 24 หัวจ่าย บริเวณตู้ที่ 2 พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศน2154 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนเข้าไปที่ตู้จ่ายน้ำมันจนเกิดไ ฟลุกท่วมตู้ และลุกลามเสาขึ้นเพดานอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องใช้โฟมฉีดระงับเพลิงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าไฟจะลุกลามไปยังตู้จ่ายน้ำมันอื่นๆ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเพลิงจึงสงบ จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย คือ นายศิวกร แย้มกมล อายุ 22 ปี เป็นพนักงานเติมน้ำมันถูกไฟลวกบริเวณแขน และศีรษะถูกกระแทกได้รับบาดเจ็บ นายกษิบดินทร์ ทองสุข อายุ 19 ปี นั่งโดยสารมากับรถกระบะ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และนายปิยะพงศ์ ตาดี อายุ 24 ปี คนขับรถกระบะ ได้รับบาดเจ็บตามร่างกาย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลนวมินทร์ 1 และโรงพยาบาลนวมินทร์ 9

ต่อมา เจ้าหน้าที่ ตำรวจ สน.มีนบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผู้เห็นเหตุการณ์ให้ข้อมูลว่า สาเหตุเพลิงไหม้มาจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันแล้วเสียหลักพุ่งเข้าไปในปั๊มน้ำมันชนกับหัวจ่ายน้ำมันจนเกิดเพลิงลุกไหม้ลามขึ้นเสาเพดานไปอย่างรวดเร็ว โดยรถคู่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น สีขาว ทะเบียน สฉ 9228 กรุงเทพมหานคร สภาพรถเสียหลักชนกับต้นไม้ และเสาไฟฟ้าพังยับเยิน มีนายถิ่น หงษ์ทอง ผู้อำนวยการกองสำรวจและแผนที่ สำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นคนขับ ซึ่งอ้างว่าขับรถมาพบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศน 2154 กรุงเทพมหานคร ประสบอุบัติเหตุชนกับปั๊มน้ำมันจึงหักหลบชนเข้ากับเสาไฟฟ้า แต่นายกศิบดินทร์ ทองสุข ผู้โดยสารมากับรถกระบะ ยืนยันว่า ถูกรถอีซูซุ มิวเซเว่น ขับมาชนท้ายรถอย่างแรง จึงทำให้เสียหลักพุ่งชนกำแพงเข้าไปในปั๊มน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกคนขับรถทั้งสองคน และพยาน รวมทั้งพนักงานปั๊มน้ำมัน ที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจ พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป