เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ว่า นางพิชชาภา อดีต พนักงานบริษัท อสมท มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ จำคุก 20 ปี ส่วนนายสรยุทธและนางสาวมณฑา พนักงานบริษัทไร่ส้ม มีความผิดฐานสนับสนุน จำคุก 13 ปี 4 เดือน และปรับ บริษัท ไร่ส้ม รวม 80,000 บาท

สำหรับคดี บริษัท ไร่ส้ม และนายสรยุทธ นอกจากความผิดดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีอีกสำนวนที่ บริษัท อสมท ได้แจ้งความฐานปลอมเอกสาร จากมูลเหตุเดียวกัน ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้คดีขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นคำฟ้องอัยการโจทก์ว่าจะเป็นการฟ้องซ้ำ กับคดีทุจริต ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ก็เห็นว่าเป็นการฟ้องซ้ำ ศาลได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว สิทธิในการนำคดีมาฟ้องของอัยการโจทก์ จึงระงับไปศาลให้จำหน่ายคดีปลอมเอกสารนี้ออกจากสารบบความ

นอกจากนี้ยังมีคดีที่บริษัท อสมท. ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนืออีกหนึ่งสำนวน โดยยื่นฟ้องนางพิชชาภา อดีตพนักงาน บริษัท อสมท นายสรยุทธ กับพวกซึ่งเป็นพนักงานบริษัทไร่ส้มรวม 6 คน ฐานร่วมฉ้อโกงไป โดยคดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน ซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือ นัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคม นี้

ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของนายสรยุทธ และจำเลยร่วมทั้งหมดแล้ว ซึ่งยืนหลักทรัพย์เงินสด และบัญชีเงินฝากคนละ 4 ล้านบาทแล้ว เห็นควรส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้สั่งประกันต่อไป ขณะนี้ศาลอาญาทุจริตฯ ได้ออกหมายขังจำเลยทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำก่อนระหว่างรอฟังคำสั่งการประกันตัวจากศาลฎีกา คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

Cr. ข่าวสด