วันที่ 19 ก.ค. เดลี่เมล์ รายงานว่า นายมัตเตโอ ซัลวินี รัฐมนตรีกิจการภายในของอิตาลี ยืนยันการปฏิเสธรับศพแม่ลูกผู้ลี้ภัยที่ประสบภัยเรือแตกระหว่างข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยให้เหตุผลว่า ทางอิตาลีจะต้องช่วยพลเรือนอิตาลีกว่าหลายล้านคนที่ยังยากจนก่อน นายซัลวินิ รัฐมนตรีกระทรวงภายในจากพรรคลีก้า นอร์ด พรรคขวาจัดที่ต่อต้านการเข้ามาของผู้อพยพ ระบุในทวิตเตอร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งของอิตาลีไม่ยอมให้หน่วยช่วยเหลือนำศพผู้อพยพขึ้นฝั่ง ว่า “ด้วยความเคารพต่อวิญญาณผู้เสียชีวิต แต่งานของผมคือต้องคิดถึงชาวอิตาลีที่ยังยากจนอยู่อีกกว่าล้านคน ไม่ใช่ไปเร่งเร้าให้คนจนจากทุกประเทศในแอฟริกา มุ่งหน้ามายังยุโรป”
ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ทางหน่วยกู้ภัยทางน้ำของสเปน และไม่สังกัดรัฐบาล หรือกลุ่มโปรแอคทีฟ โอเพนอาร์มส์ เข้าช่วยเหลือกลุ่มคนที่ประสบภัยนอกชายฝั่งลิเบีย และพบสตรีชาวแคเมอรูน คนหนึ่งที่ยังลอยคอมีชีวิตอยู่ ท่ามกลางศพที่ลอยเกลื่อน ทั้งสตรี และเด็กอีกหลายศพ สตรีคนดังกล่าวมีสภาพร่างกายที่อ่อนแอมาก แม้ว่าทางอิตาลีจะมีท่าทีปฏิเสธการเข้ามาของผู้อพยพ แต่ ทางการอิตาลีก็เปิดท่าเรือในเมืองกาตาเนีย แคว้นซิซิเลีย ทางตอนใต้ พร้อมกับช่วยเหลือสตรีคนดังกล่าวที่ทางหน่วยกู้ภัยทางน้ำช่วยมาได้ แต่ทางอิตาลีจะไม่รับศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด ทำให้องค์กรเอ็นจีโอกลุ่มนี้ต้องนำศพแม่ลูกย้ายไปที่สเปน
สำหรับเหตุการณ์เรือแตก ทางกลุ่มโปรแอคทีฟ ระบุว่า เรือถูกยิงโดยเรือลาดตระเวนของลิเบีย มากกว่านั้น กองเรือลาดตระเวนของลิเบียยังได้รับการสนับสนุนจากทางสหภาพยุโรปให้จัดการเรือทุกลำ และให้พาเรือที่ขนผู้อพยพกลับเข้าสู่ลีเบีย ทั้งนี้ ทางสเปนภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายเปโดร ซานเชซ วัย 46 ปี จากพรรคสังคมนิยมแรงงานสเปน มีท่าทีเปิดรับผู้อพยพมาโดยตลอดนับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน ส่วนประเทศยุโรปที่ติดกับเมดิเตอร์เรเนียน และใกล้กับลิเบียมากที่สุด อย่างอิตาลี และมอลตา พยายามปิดท่าเรือไม่ตอนรับบรรดาผู้ลี้ภัยจากลิเบีย พร้อมกับกล่าวหาว่ากลุ่มเหล่านี้ที่พยายามหนีออกมาเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อีกด้วย
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่คั่นระหว่างยุโรปและแอฟริกา ขึ้นชื่อว่าเป็นท้องทะเลแห่งความตายบนโลกใบนี้ ข้อมูลจากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือไอโอเอ็ม หนึ่งในหน่วยงานของสหประชาชาติเผยว่าภายในปีนี้ มีผู้เสียชีวิต และสูญหายจากความพยายามเดินทางข้ามทะเลแห่งนี้รวมกันถึง 1,443 รายแล้ว
