เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

    ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เดินทางมาแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า ยาเค และ ยาไอซ์ จำนวนมาก ทั้งนี้การจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนขยายผลจากขบวนการค้ายาเสพติด โดยเฉพาะในช่วงหลังการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังนี้
กรณีที่ 1.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจนครบาล 8, สน.โชคชัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า ชนิดเม็ดสีส้มและสีเขียว จำนวน 8,462,000 เม็ด ยาไอซ์ 121 กก. คีตามีน 25 กก. และ รถยนต์ 5 คัน เบื้องต้น จึงตั้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

สำหรับพฤติการณ์การจับกุมนั้น เจ้าหน้าที่ได้พบผู้ต้องหาขณะขับรถตระเวนไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ก่อนจะพบที่บริเวณกลางซอยรามอินทรา 39 เขตบางเขน กทม. โดยผู้ต้องหาได้พยายามหลบหนีทำให้รถผู้ต้องหาพุ่งชนรถประชาชนที่สัญจรผ่านในเวลาดังกล่าวได้รับความเสียหายหลายคัน ก่อนที่จะติดตามจับกุมทั้ง 2 คน ได้ที่บริเวณข้างปั้มเอสโซ่ ข้างไทวัสดุ ถ.บางนา – ตราด เขต อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนจะนำตัวทั้งคู่ส่งให้พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนกรณีที่ 2 เป็นการทำงานร่วมกันของกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) โดยเจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 2 ราย ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านซ.วิภาวดีรังสิต 62 เขตหลักสี่ กทม. พร้อมของกลางยาไอซ์ 32.3 กก., ยาบ้า 30,000 เม็ด และยาเคชนิดเกล็ด 7 กก. หลังตำรวจได้มีการติดตามพฤติการณ์มาเป็นเวลานาน โดยได้มีการสะกดรอยเฝ้าดูความเคลื่อนไหว กระทั่งรู้จุดเก็บรักษายาเสพติดดังกล่าว จึงได้แสดงตัวจับกุม จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนก่อนจะพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นในห้องพัก

ด้าน รอง ผบ.ตร. ระบุว่า ยาเสพติดทั้งหมดที่จับกุมได้ในวันนี้ มีที่มาจากกลุ่มว้าใต้ ซึ่งการจับกุม เป็นลักษณะการจับได้ขณะผู้ต้องหากำลังจะทำการขนถ่ายจากแหล่งซุกซ่อนมาเก็บไว้ ในเขต กทม. และ ปริมณฑล ทั้งนี้เชื่อว่าเจ้าหน้าที่น่าจะเข้าใกล้ตัวการหรือเอเย่นต์รายสำคัญของขบวนการแล้วซึ่งส่วนนี้ทางตำรวจต้องขอเวลาในการที่จะดำเนินการขยายผลเพื่อหาตัวต่อไป