วันที่ 16 ก.ค. 61ตู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน จำนวน 9 เครื่อง ถูกส่งมอบให้กับตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมนำไปติดตั้งตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วเมือง สำหรับให้บริการรับแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือจากประชาชนและนักท่องเที่ยว ตู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินนี้เป็นนวัตกรรมไฮเทคที่นำร่องใช้งานที่ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรกของภาคเหนือ
โดยประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปกดปุ่มที่ตู้ เพื่อแจ้งเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากกดปุ่มระบบจะเชื่อมสัญญาณไปที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 โดยจะเชื่อมสัญญาณทั้งภาพและเสียง เป็นการสื่อสารผ่านวิดีโอคอลกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที เวลาเดียวกันพิกัดตำแหน่งจะถูกส่งไปยังสายตรวจท้องที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อเดินทางเข้ามาตรวจสอบ และระงับเหตุได้ทันท่วงที
สำหรับตู้รับแจ้งเหตุ เป็นตู้ที่เรียกว่า โมบายยูนิต สามารถเคลื่อนย้ายนำไปติดตั้งได้ทุกที่ที่ต้องการ เบื้องต้น จะนำไปติดตั้งไว้ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และจุดที่มีการจัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ทั่วเมือง โดยจะนำร่องติดตั้งที่ จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดแรก ก่อนขยายไปติดตั้งเพิ่มเติมที่ จ.ลำปาง จ.ลำพูน และ จ.แม่ฮ่องสอน ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ยังเปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการควบคุมสั่งการระบบ CCTV จ.เชียงใหม่ ที่ไฮเทคที่สุดในภาคเหนือ โดยศูนย์ CCTV นี้ ได้เชื่อมต่อกล้องวงจรปิดจากทุกหน่วยงานทั่วทั้งจังหวัด ทั้งกรมทางหลวง องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาลนครเชียงใหม่ และขนส่งจังหวัด รวมกว่า 1,180 ตัว พร้อมใช้ระบบซอฟแวร์ที่ทันสมัย ทำให้กล้องสามารถซูมขยายเข้าได้ถึง 36 เท่า และคมชัดระดับ HD จนมองเห็นทะเบียนและคนขับได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการขนส่ง สามารถระบุหมายเลขทะเบียนรถได้ทุกคันแบบเรียลไทม์ที่ผ่านกล้อง และยังสามารถค้นหารถแบบเฉพาะเจาจงได้ เช่น หากต้องการค้นหารถสีแดง ระบบซอฟแวร์จะสั่งให้กล้องทุกตัวตามหาและโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้ง ยังมีสายตรวจของกลุ่มงานจราจร และสายตรวจของโรงพัก 4 แห่ง ในเขต อ.เมืองเชียงใหม่ ที่มีการติดกล้องประจำตัว ใช้สำหรับบันทึกภาพและส่งภาพแบบไลฟ์เรียลไทม์ในขณะปฏิบัติหน้าที่ ภาพจะถูกส่งเข้าศูนย์ CCTV และเก็บบันทึกไว้ทั้งหมด เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวนในคดีต่างๆ ขณะที่ข้อมูลจากทั้งภาพวงจรปิดและภาพจากสายตรวจจะถูกเก็บไว้ในระบบนานถึง 2 ปี และสามารถดึงมาใช้ได้ทันที
ด้าน พ.ต.อ.ไพศาล นันตา รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตู้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินที่นำมาใช้ ช่วยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงในการแจ้งเหตุให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เมื่อใช้งานร่วมกับศูนย์สั่งการ CCTV ทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และยังเพิ่มประสิทธิภาพในงานสืบสวนสอบสวนไปพร้อมกัน
