นางสาวปรียาดา อายุ 47 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.เมืองเชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับอดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนศรีดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังก่อนหน้านี้ถูกหลอกให้ซื้อประกันอุบัติเหตุในวงเงิน 50,000 บาท เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 ให้กับนายชัชชน อายุ 58 ปี ผู้เป็นสามี
แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559 สามีของเธอ ประสบอุบัติเหตุหกล้มหัวฟาดพื้นอาการสาหัส จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ทางโรงพยาบาลกลับตรวจไม่พบข้อมูลกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุของสามีที่ซื้อไว้
นางสาวปรียาดา เล่าว่า เมื่อทางโรงพยาบาลตรวจสอบประวัติ ไม่พบเลขกรมธรรม์อยู่ในระบบ จึงได้โทรศัพท์ไปหาตัวแทนประกันชีวิตที่ขายประกันให้ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงยื้อเวลา อ้างว่าระบบล่มจึงตรวจสอบไม่ได้
กระทั่งผ่านไปหกชั่วโมงยังไม่มีการติดต่อกลับ จึงโทรศัพท์ไปอีกครั้งและขู่จะฟ้องดำเนินคดี จนทำให้พนักงานขายประกันคนนี้พร้อมผู้จัดการธนาคารเดินทางมาพบ ก่อนจะเจรจากับทางโรงพยาบาลเอกชนจนทำให้สามีได้เข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาล
หลังจากนั้นอีก 3 วัน ตัวแทนประกันได้เข้าพบสามีที่ยังนอนรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก พร้อมกับนำเอกสารไปให้เซ็นและออกกรมธรรม์ฉบับที่สองให้ โดยอ้างว่าทำเพื่อทดแทนกรมธรรม์ ฉบับที่ 1
หลังจากสามีออกจากโรงพยาบาล ได้เข้ารักษาตัวต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานถึง 6 เดือน เนื่องจากระบบประสาทตาเสีย แต่ปรากฏว่าบริษัทประกันไม่รับผิดชอบจึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ และ เข้าร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน แต่จนถึงวันนี้คดีไม่คืบหน้า
จนกระทั่งล่าสุด ทราบข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ (คปภ.) ระบุผลตรวจสอบว่า ตัวแทนขายประกันคนดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตเป็นตัวแทนนายหน้าประกันวินาศภัยตามที่กฎหมายกำหนด แต่ได้ใช้รหัสใบอนุญาตของเพื่อนร่วมงานในธนาคารมาขายประกัน
นอกจากนั้น คปภ.ยังแจ้งกับตนว่า บริษัทประกันดังกล่าวได้มีการทำกรมธรรม์ฉบับที่ 3 ทั้งที่ตนเองไม่ทราบเรื่อง จึงนำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความเพิ่มเติมข้อหาปลอมแปลงเอกสารและลายมือชื่อในวันนี้
นางสาวปรียาดา เปิดเผยว่า ตั้งแต่ทำประกันกับตัวแทนซึ่งเป็นพนักงานของธนาคาร เธอไม่เคยเห็นเล่มกรมธรรม์แม้แต่ฉบับเดียว แต่หลังจากสามีเธอประสบอุบัติเหตุจึงทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยเฉพาะความผิดปกติในการทำกรมธรรม์ฉบับที่สองและสามที่ธนาคารทำให้ ทั้งที่ตนเองและสามีไม่ได้จ่ายเบี้ยประกันแม้แต่บาทเดียว
ส่วนพนักงานธนาคารคนดังกล่าวได้ลาออกออกธนาคาร ไปสอบรับราชการสังกัดหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล่าสุดประจำอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต