เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

อาร์เจนตินา มาเหนือดวงหลังทำภารกิจสุดมหัศจรรย์พลิกนรกเข้ารอบน็อกเอาต์ได้สำเร็จ โดยงานนี้ชาวอาร์เจนไตน์ต้องขอบคุณ ลิโอเนล เมสซี่ กับ มาร์กอส โรโฮ สวมวิญญาณซูเปอร์ฮีโร่ ช่วยกันซัดคนละประตูปราบ ไนจีเรีย 2-1 ตีตั๋วเข้าไปเล่นในรอบ16ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่ม ดี เข้าไปพบกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์กลุ่ม ซี ในวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.นี้ในศึกฟุตบอลโลก 2018 กลุ่ม ดี นัดสุดท้าย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

 

สนาม :  เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

อาร์เจนตินา จัดหนักจัดเต็มด้วยการส่ง ลิโอเนล เมสซี่ กับ กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงบัญชาเกมในแดนหน้าโดยหวังความมหัศจรรย์ของสตาร์บาร์เซโลน่ากอบกู้ชาติเพื่อลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ ไนจีเรีย พร้อมเดินเครื่องเต็มสูบเพราะโอกาสอยู่ในมือพวกเขา โดยส่ง จอห์น โอบี มิเคล  คุมเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุก  อาห์เหม็ด มูซ่า กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ พร้อมกระซวกตาข่ายคู่แข่งเช่นกัน

เปิดฉาก อาร์เจนตินา พยายามครองเกมเพื่อหาช่องขณะที่ ไนจีเรีย คอยดักจังหวะและรอสวนกลับเป็นระยะ โดย น. 5 เมสซี่ ได้สัมผัสบอลครั้งแรกแต่ก็ไม่สามารถสร้างอันตรายอะไรได้มากนัก และใน น.7 ทัพ “ฟ้าขาว” มีหวาดเสียว เมื่อ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ส่งบอลพลาดทำให้โดนฉกไปได้ แต่ นิโกลัส โอตาเมนดี้ โชว์ความสุดยอดบีบแย่งบอลจาก  โอเกเนคาโร่ เอเตโบ มาได้ก่อน

 

 

อีกสองนาทีต่อมา อาร์เจนตินา มีจังหวะที่จะได้ประตูเมื่อ เมสซี่ ส่งบอลให้ เอเวร์ บาเนก้า ซึ่งทะลุเข้าไปในเขตโทษทางฝั่งซ้าย แต่เจ้าตัวดันยิงออกข้างไปแบบไม่มีลุ้น จากนั้น น. 11 เมสซี่ ยังคงสร้างความปั่นป่วนเมื่อเขาลากบอลหนีสองแนวรับ “อินทรีมรกต” เข้าไปในเขตโทษแต่เปิดบอลไปติดบล็อกอย่างน่าเสียดาย

อาร์เจนตินา ยังคงครองเกมได้ตลอด แต่ น. 15 มาร์เคราโน่ ส่งบอลเสียทำให้ อิเฮียนาโช่ มีโอกาสลากบอลเข้าไปล่อเป้า แต่โดน มาร์กอส โรโฮ ดักทางเอาไว้ได้ และในที่สุดความพยายามของ แชมป์โลก 2 สมัยก็สำเร็จผล ใน น. 14 เมื่อ เมสซี่ ได้รับบอลจากการส่งของ บาเนก้า ที่สุดคมกริบกว่าครึ่งสนาม และ สตาร์บาร์เซโลน่า พักบอลด้วยหน้าขาอย่างเหนือชั้นก่อนจะลากเข้าไปในเขตโทษและกดด้วยเท้าขวาระยะ 12 หลาไม่เหลือซาก ทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0

 

 

สถานการณ์แบบนี้ทำให้ ไนจีเรีย ต้องเดินเกมบุกทวงประตูคืนให้ได้ แต่โดน “ฟ้าขาว” ดักสวนกลับ และ น. 18 อังเคล ดิ มาเรีย มีโอกาสเปิดฟรีคิกเข้ามาในเขตโทษแต่ไม่เกิดประโยชน์ประการใดทั้งสิ้น ช่วงที่ผ่านมา บาเนก้า เล่นได้โดดเด่นและปั่นป่วนเกมรับ ไนจีเรีย ได้อย่างต่อเนื่อง เวลาผ่านไป 20 นาที ไนจีเรีย รูปเกมเป็นรอง และพวกเขาเกือบเสียประตูอีกครั้งใน น. 27 จากความสุดยอดของ เมสซี่ ที่ทิ่มบอลทะลุให้ อิกวาอิน ที่พยายามวิ่งเข้าหาบอลแต่สุดท้าย ฟรานซิส อูโซโฮ นายทวารออกมาบล็อกได้ทัน หลังจากนั้น อาร์เจนตินา ยังคงโชว์ฟอร์มอย่างเหนือชั้นจนทำให้ ไนจีเรีย โงหัวไม่ขึ้น

เข้าสู่ น. 32 บาเนก้า ผ่านบอลสุดยอดตัดหลังแนวรับให้ ดิ มาเรีย วิ่งจี้เข้าไปที่หน้าประตูแต่ เลออน บาโลกุน เข้ามาสกัดจนล้มคะมำและทำให้เขาได้รับใบเหลืองไป โดยในจังหวะฟรีคิกระยะ 20 หลา เมสซี่ มีโอกาสบวกประตูเพิ่ม เมื่อเจ้าตัวปั่นบอลไปทางเสาไกล บอลสะกิดโดนปลายมือของ โซโฮ ก่อนจะชนเสา

 

 

ใน. 41 ฟรังโก้ อาร์มานี่ นายทวารอาร์เจนตินา โชว์ให้เห็นความเก่งฉกาจด้วยการวิ่งออกมาตัดบอลที่กรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนที่ มูซ่า จะถึงบอล และจากจังหวะทุ่มไกลเข้าไปในเขตโทษของ มูซ่า โดนแนวรับทัพ “ฟ้าขาว” โหม่งเคลียร์ออกมา ก่อนที่  เอเตโบ จะบรรจงฮาล์ฟวอลเล่ย์แต่บอลลอยละลิ่วออกเข้าไปแบบไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อย จากนั้น น. 43 ในจังหวะชุลมุน อิเฮียนาโช่ พยายามจะพุ่งเข้าหาบอล แต่โดน โรโฮ ยกเท้าสูงสกัดได้ทัน และหลังทดเจ็บ 2 นาที คูเนย์ต ชาคีร์ กรรมการชาวตุรกี ก็เป่านกหวีดหมดครั้งแรก

เริ่มครึ่งหลัง อาร์เจนตินา ยังคงพยายามควานหาประตูที่สองของพวกเขาให้ได้ น. 47 บาเนก้า เล่นได้อย่างสุดยอด เขาแย่งบอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย และเปิดเกมบุกทันที และจากจังหวะเล่นชิ่งหนึ่งสองของแข้งอาร์เจนไตน์ บอลไปถึง อิกวาอิน แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก แต่แล้วเรื่องที่แฟนบอล “ฟ้าขาว” ต้องช็อก เมื่อท่านเปาแดนไก่งวง เป่าให้จุดโทษโดยมองว่า มาสเคราโน่ ดึง บาโลกุน ล้มในเขตโทษ โดย วิคเตอร์ โมเสส รับหน้าที่สังหาร และเจ้าตัวโคตรนิ่งแปบอลเบาๆ แต่ อาร์มานี่ พุ่งไปผิดทาง ทำให้บอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ส่ง ไนจีเรีย ตีเสมอ 1-1 ใน น. 51

 

 

ตอนนี้โมเมมตัมเปลี่ยนไปที่ ไนจีเรีย โดย น. 53 มูซ่า เลี้ยงบอลเข้าไปในเขตโทษ และ บาเนก้า เสียบบอลสุดแม่นยำได้ทัน อาร์เจนตินา วิ่งแหลกราวหนูติดจั่นเพื่อหวังทำประตูขึ้นนำให้ได้  น. 60 มูซ่า โชว์ลีลาเลี้ยงหลบ มาสเคราโน่ และลากบอลไปถึงเส้นหลังก่อนจะตบกลับมาให้เพื่อนร่วมทีมแต่โดน  นิโกลัส โอตาเมนดี้ สกัดทิ้งไปได้ทัน น. 64 คริสเตียน ปาวอน  มีโอกาสเลี้ยงป่วนแนวรับ ไนจีเรีย แต่ดันสะดุดบอลจังหวะสุดท้ายทำให้พลาดโอกาสทะลุเข้าไปในเขตโทษ เกมผ่านเข้าสู่ น. 70 อาร์เจนตินา พยายามที่จะยิงประตูให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเจาะแนวรับ ไนจีเรีย ได้แถมยังเล่นผิดพลาดหลายจังหวะจนทำให้ทีมพลาดโอกาสเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง

ไนจีเรีย เกือบได้ประตูขึ้นนำ ใน น. 73  จากการประสานงานอย่างสุดยอดก่อนที่ มิเคล จะส่งให้ เอ็นดิดี้ มีโอกาสตะบันไกล 30 หลาแต่บอลข้ามคานไปแบบมีลุ้น เข้าสู่ น. 76 อิเฮียนาโช่ โยนบอลเข้าไปในเขตโทษ และ โรโฮ สกัดบอลได้ทัน แต่มีการประท้วงเพราะมองว่าบอลโดนแขนของ กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ท่านเปาตุรกี ต้องพึ่งวีเออาร์ แต่สุดท้ายก็ไม่เป่าให้เป็นจุดโทษ น. 82 โรโฮ เติมเกมบุกจากทางขวา และส่งบอลเข้ามาในเขตโทษ แต่น่าเสียดายที่ อิกวาอิน ซึ่งมีโอกาสทองฝั่งเพชร ดันกดเต็มข้อบอลเหินข้ามคานไป น. 85 ไนจีเรีย ยังมีโอกาสสร้างความหวาดเสียว เมื่อ อิเฮียนาโช่ หลุดเข้าไปดวยกับ อาร์มานี่ และนายด่าน “ฟ้าขาว” ป้องกันได้อย่างหวุดหวิด

 

 

อาร์เจนตินา ได้เฮสนั่นลั่นสนาม เมื่อ กาเบรียล เมร์กาโด มีโอกาสเปิดบอลจากปีกขวา และ โรโฮ วิ่งเข้ามาวอลเล่ย์ราวกับกองหน้าในระยะ 12 หลา บอลพุ่งเข้าไปซุกก้นตาข่าย ส่งให้ทีมขึ้นนำ 2-1 ใน น. 86 เข้าสู่ช่วงทดเจ็บ 4 นาที อาร์เจนตินา ยังคงได้ครองบอล และพยายามผลาญเวลาให้หมดไปเรื่อยๆ โดยในวินาทีสุดท้าย ไนจีเรีย เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ แต่ อาร์มานี่  กระโดดออกมาคว้าบอลได้ทัน และผู้ตัดสินก็เปานกหวีดยาวหมดเวร ทำให้ อาร์เจนตินา สร้างปาฏิหาริย์ได้ผ่านเข้ารอบสำเร็จ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

ไนจีเรีย : ฟรานซิส อูโซโฮ – เลออน บาโลกุน, วิลเลี่ยม ทรุสต์-เอค็อง, เคนเน็ธ โอเมรูโอ – วิคเตอร์ โมเซส, โอเกเนคาโร่ เอเตโบ, จอห์น โอบี มิเกล (กัปตันทีม), วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ไบรอัน อิโดวู – อาห์เหม็ด มูซ่า, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (โอเดียน อิกาห์โล่ น.46)

อาร์เจนตินา : ฟรานโก้ อาร์มานี่ – กาเบรียล เมร์กาโด, นิโคลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส โรโฮ, นิโคลัส ตายาฟีโก้ (เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” น.80) – เอ็นโซ เปเรซ (คริสเตียน ปาวอน น.61), ฮาเวียร์ มาสเชราโน่, เอเวร์ บาเนก้า, อังเคล ดิ มาเรีย (มักซิมิเลียโน่ เมซ่า น.72) – ลีโอเนล เมสซี่ (กัปตันทีม), กอนซาโล่ อิกวาอีน

ผู้ตัดสิน : คูเนย์ต ชาคีร์ (ตุรกี)