ชาวเน็ตตั้งประเด็นเกี่ยวกับรูปของหญิงสาวที่อยู่ในเฟซบุ๊กของนายวุธ ว่าเกี่ยวข้องรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องก็นับว่าโชคดี เพราะอาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ถ้าไปมีปากเสียงกับหนุ่มใจเหี้ยมรายนี้ก็เป็นได้
จากกรณีพบศพหญิงสาวผมแดงถูกฆ่าหั่นศพ แยกชิ้นส่วนรวม 14 ชิ้น ยัดใส่กระสอบปุ๋ยโยนทิ้งอยู่ในป่าซอยสามวา ตรงข้ามโรงงานที่นอนดาริ่ง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้เสียชีวิตคือน.ส.ลักษณา หรือเมย์ กำลังเก่ง อายุ 24 ปี ชาวจ.ร้อยเอ็ด
ในโลกโซเชียล ได้มีการแคปข้อความจากโพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่เชื่อว่าอาจเป็นผู้หญิงคนใหม่ของนายธนกฤต ประกอบ หรือ วุธ ผู้ลงมือฆ่าหั่นศพ ระบุว่า ได้รู้จักฆาตกรผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ บีทอล์ก ได้ถามฝ่ายชายว่าทำไมเลิกรากับแฟนเก่า ได้รับคำตอบว่า “เขาหนีไปกับแฟนเก่าเขาได้ปีกว่า” ล่าสุดวันอังคารที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวเห็นแขนผู้ชายช้ำๆ แต่ไม่ได้ถามอะไร ผู้ชายได้แต่บอกว่า “ให้อยู่กันนานๆนะ อย่าโกหกกันก็พอ” แต่ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันพ่อของสาวแฟนเก่าจะโทรมาหาชายคนนี้เนื่องจากติดต่อลูกไม่ได้ ไม่รู้ลูกหายไปไหน
ผู้ชายยังบอกอีกว่า “ตามหาตนมาหนูมาตั้งนานแล้ว เพิ่งจะเจอว่าทำงานที่นี่” ทำให้ผู้โพสต์สงสัยว่าจะตามหาทำไม อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์ยังได้ตอบคนที่มาแสดงความเห็นอีกว่า “ที่หนูรอดมาได้ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นบุญขนาดไหน ให้หนูปิดเฟซ หนูบอกเลยหนูไม่ปิด เพราะหนูไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่อยู่ใกล้ๆหนูเขารู้นิสัยของหนูดี ความเป็นจริงหนูคงอ่อนต่อโลกเกินไปไว้ใจคนมากเกินไป บทเรียนนี้ให้ราคากับหนูมาก”
จากการตรวจสอบความเกี่ยวข้องของหญิงสาวรายนี้ ในเบื้องต้นทราบว่า ทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” แห่งหนึ่งในพื้นที่กทม. และเคยคบหากับนายวุธจริง ซึ่งล่าสุดหญิงสาวรายนี้ได้โพสต์เฟซบุ๊กทำนองว่า “แย่อยู่ เราไม่รู้เรื่องอะไรคนด่าก็ด่า โดยไม่ฟังความจริงความเท็จ เอามาเหมารวมกัน รูปตั้งแต่ไหน เอามาเหมารวมกันหมด หนูกับฆาตกรนั้นไม่มีเฟซกันด้วย”
จากข้อความดังกล่าว เป็นการอ้างทำนองว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายชาย แต่กลับต้องมาโดนด่า เป็นเพราะฝ่ายชายเอารูปเก่ามาโพสต์ เพื่อสร้างหลักฐานทำนองว่าคบหากันอยู่ทั้งที่ตนเองไม่ได้รู้เรื่องด้วย เพราะไม่มีเฟซบุ๊กของฝ่ายชายนั้นเอง ทั้งนี้ชาวเน็ตได้ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า การที่นายวุธใส่รูปของสาวเซเว่นรายนี้ลงไปในเฟซบุ๊กให้เหมือนคบหากันนั้น อาจเป็นเพราะต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางคดี หากถูกตำรวจเรียกไปสอบถามก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามแม้ฝ่ายหญิงสาวจะไม่มีความเกี่ยวข้องตามที่กล่าวอ้าง แต่ก็ยังเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่จะได้เรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้คดีนี้เกิดความชัดเจนต่อไป
