เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืององค์คณะผู้พิพากษานัดพิจารณาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินที่ร่วมลงทุนกับภัตตาคารแห่งหนึ่งมูลค่า1.5แสนบาทขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542และขอให้สั่งห้ามผู้ถูกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา5ปี

นายชูวิทย์ให้การรับสารภาพพร้อมขออนุญาตศาลแถลงว่าไม่ได้เจตนาปกปิดบัญชีทรัพย์สินที่ร่วมลงทุนกับภัตตาคารจำนวน1.5แสนบาทที่ไม่ได้รายงานคิดว่าผู้ทำบันทึกทรัพย์สินให้อาจจะตกหล่นไม่ได้บันทึกรายการดังกล่าวไว้ประกอบกับในปี2546ได้โอนหุ้นที่ร่วมทุนกับภัตตาคารดังกล่าวให้กับพนักงานสถานบริการไฮคลาสเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด2รายเป็นผู้ถือหุ้นแทนเนื่องจากการขอใบอนุญาตสถานประกอบการเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้ใช้ชื่อตนจึงให้บุคคลทั้งสองถือหุ้นแทนอีกทั้งหุ้นของภัตตาคารดังกล่าวไม่มีรายได้จึงเข้าใจว่าไม่ต้องรายงานทรัพย์สินดังกล่าวแก่ป.ป.ช.และที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งทางการเมืองปี2548ก็ไม่เคยรายงานทรัพย์สินรายการดังกล่าว

ศาลพิพากษาว่านายชูวิทย์จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542ม.32และ33ห้ามผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา5ปีนับแต่วันที่9ธ.ค.

2556ที่พ้นจากตำแหน่งส.ส.ครั้งที่2ตามม.34วรรคสองและเป็นความผิดตามม.119ให้ลงโทษจำคุก2เดือน

แต่ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก1เดือนผู้ถูกกล่าวหาเคยต้องโทษในคดีหมายเลขแดงที่3220/2549ของศาลอาญากรุงเทพใต้ได้รับโทษจำคุกเกิน6เดือนซึ่งไม่ใช่คดีประมาทหรือลหุโทษและเพิ่งพ้นโทษมาไม่เกิน5ปีจึงไม่อาจรอการลงโทษได้

คืบหน้าล่าสุดนายเติมตระกูลกมลวิศิษฎ์ลูกชายของนายชูวิทย์ได้โพสต์ภาพและข้อความลงในInstagramส่วนตัวให้กำลงใจคุณพ่อระบุแคปชั่นว่า

“ติดคุกอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่าไม่มีที่ยืน,ทำผิดก็ต้องยอมรับผิดเกิดเป็นลูกผู้ชายทั้งทีอีก1เดือนเจอกันข้างนอกนะคับพ่อ#เรื่องจิ๊บๆของชูวิทย์#@tonkamolvisit”