เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. 61 ที่ศาลฎีกา เเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ถนนเเจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ในคดีที่ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อายุ 68 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย กับกลุ่มกฤษดามหานคร กับพวกรวม 27 ราย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และความผิด พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ.2535 กรณีร่วมอนุมัติสินเชื่อของ ธนาคารกรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานครไปโดยทุจริต ทำให้ธนาคารเสียหาย

AFP PHOTO

โดยคดีนี้ได้กล่าวหานายทักษิณ จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำความผิด กรณีอดีตผู้บริหารธนาคารอนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ โดยข้อเท็จจริงพบว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยฯ ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร เนื่องจาก ผอ.ฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ เนื่องจากมียอดขาดทุนสะสมสูง

แต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ 1.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำนวนเงิน 500 ล้านบาท 2.การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท (วงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท) และ 3.การอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร ซึ่งเป็นประโยชน์ส่วนตนกับพวก

วันนี้อัยการโจทก์เดินทางมาศาล ร่วมกระบวนพิจารณา ส่วนนายทักษิณ หรือทนายความ ไม่มีใครมาศาล เมื่อถึงเวลา องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาเเล้วเห็นว่า นายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบเเล้วไม่เดินทางมาศาลโดยไม่เเจ้งเหตุขัดข้องหรือแจ้งขอเลื่อน เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับเพื่อมาฟังการพิจารณาของศาล ตามวิ อม.มาตรา 28 พร้อมให้โจทก์ดำเนินการตามหมายจับ และให้รายงานผลการจับกุมให้ศาลรับทราบทุกเดือน โดยกระบวนการพิจารณา เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งเเรก ให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม วิ อม. มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เวลา 13.30 น. และให้อัยการโจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน เเละให้ส่งหมายเเจ้งให้จำเลยทราบพร้อมปิดหมาย

ทั้งนี้ หมายจับที่ออกในวันนี้ ถือเป็นหมายจับในคดีที่สอง หลังจากคดีที่นายทักษิณออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทชินคอร์ปฯ