เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

  ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า  นายวิทยา หรือบอย อายุ 28 ปี และนายอนุชา หรือแบงก์ อายุ 22 ปี ได้มาแจ้งความกับตำรวจ ต่อมา พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้สอบสวนปากคำ และได้นำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณปากทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง บน ถ.อุดร-สกล บ.หนองแก ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ห่างจากถนนประมาณ 50 เมตร

นายวิทยา เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 2.00 น.วันที่ 24 พ.ค. แก๊งยาบ้า ได้โทรศัพท์นัดให้มาเอายาบ้า จึงชวนน้องชายที่ไม่รู้เรื่องนี้ มาด้วย เมื่อมาถึง พบชาย 3 คน ขี่รถ จักรยานยนต์ มาจอดรอ ซึ่งตนได้จอดรถห่างจากคนร้ายประมาณ 20 เมตร และสั่งให้น้องชายไปเอายาบ้า แต่กลับถูกทำร้าย ทั้งตบ เตะ กระทืบ ตีด้วยไม้เบสบอล และเอาปืนมาขู่ เพื่อจะเอาเงินค่ายาบ้าที่ค้าง 6 พันบาท โดยไม่รู้ว่ามีการถ่ายคลิป พวกตนถูกซ้อมประมาณ 1 ชม. ระหว่างนั้นมีรถปิกอัพขับมาจอดหน้าวัด แก๊งดังกล่าวจึงขี่รถหนีไป ด้วยความกลัวจึงวิ่งหนีไปในทุ่งนา ขอความช่วยเหลือจาก รปภ.โรงสี พอกลับมาเอารถจักรยานยนต์ พบว่า สายคันเร่งถูกตัดทำให้ขี่รถไม่ได้ จึงนำไปฝากไว้ที่ป้อมยามโรงสี

ส่วนสาเหตุที่รับจ้างขนยาบ้าให้แก๊งนี้ นายวิทยา บอกว่า เพราะตกงาน และเสพติดยาบ้า ก่อนนี้ มีเพื่อนชื่อนายหก คนบ้านเดียวกัน อ้างว่าทำงานให้ตำรวจ มาชักชวนให้ขายยาบ้า มีการทำเป็นขบวนการ ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ตนก็เชื่อว่าเป็นตำรวจจริง หลังจากนำยาบ้า 50 เม็ดมาขาย แต่เก็บเงินไม่ได้ จึงถูกลวงมารุมกระทืบ หลังเกิดเหตุไม่กล้าแจ้งความ ไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะกลัวถูกฆ่า พอเห็นคลิปเป็นข่าวดัง ยิ่งกลัวจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความกับตำรวจ

และเมื่อเช้าวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายวัชรินทร์ สุตลาวดี นายอำเภอเมืองอุดรธานี และ ว่าที่ร้อยตรีพงษ์สิทธิ์ เปรยะโพธิเดชะ ป้องกัน จ.อุดรธานี ได้เชิญทั้งคู่มาสอบถามเพิ่มเติม เพราะฝ่ายปกครองมีหน้าที่แก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เช่นกัน โดยมีบางอย่างที่ฝ่ายปกครองได้สอบถามเพิ่มเติม เรื่องข้อมูลโยงใยว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหน ขณะที่ทั้งคู่บอกว่ารู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น

ด้าน พล.ต.ต พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สอบปากคำอย่างละเอียด เพื่อหาตัวผู้เกี่ยวข้อง ส่วนการนำตัวนายหก มาสอบปากคำ รวมทั้งผู้เสียหายที่แจ้งความ ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นตำรวจคนไหนที่เข้าไปกี่ยวข้อง จริงหรือไม่ ทั้งนี้หากพบมีตำรวจเข้าเกี่ยวข้องจริง จะดำเนินตามกฎหมาย ทั้งทางวินัยและอาญา แน่นอน ส่วนผู้ก่อเหตุ ตำรวจรู้ตัวแล้ว ทางการสืบสวนก็มีเป้าหมายอยู่แล้ว 5 คน ไม่เกิน 7 คน ต้องพิสูจน์ทราบว่าใช่หรือไม่อย่างไร ต้องหาพยานหลักฐานมาสอดรับกัน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด