เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

12 มิ.ย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพเหตุการณ์ “ครูบนดอย” ในสภาพคล้ายคนเป็นลมท่ามกลางกระแสน้ำป่าที่ไหลบ่าแรง โดยชาวโซเชียลได้เข้ามาให้กำลังใจกันมากมายนั้นเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sodasai Sodasai ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะครูที่กำลังช่วยกันขนอาหารมาให้เด็กๆ ที่โรงเรียนบ้านห้วยหมูพิทยา อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อให้เด็กๆ ได้มีอาหารทานกัน เนื่องจากโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร การเดินทางยากลำบากมาก โดยเจ้าของเฟซบุ๊กได้ระบุข้อความเล่าเหตุการณ์ไว้ว่า

ทีแรกคิดว่าแค่เป็นตะคริว เพราะเดินลุยฝนตลอดทางเดินข้ามลำห้วยอีก 20 กว่าจุด และเหตุเกิดขึ้นในน้ำมองอะไรไม่เห็นเลย ทุกคนตกใจมาก คิดอย่างเดียวคือทุกคนต้องปลอดภัย พอพาคนเจ็บขึ้นฝั่งได้ ปรากฏว่า สะบ้าหัวเข่าหลุด จะพาน้องกลับทางเดิมก็เคลื่อนย้ายไม่ได้ ครูและชาวบ้าน ต้องรีบเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปขอความช่วยเหลือ จนตัดสินใจทำเปลและจากแรงของชาวบ้านผู้ชาย ครูผู้ชาย 2 คน ช่วยกันหามน้องออกไปหารถที่บ้านห้วยแห้ง เพราะในหมู่บ้านรถไม่สามารถออกไปได้ ติดน้ำห้วย การเดินทางลำบากมาก ตอนนี้คนเจ็บถึง รพ.ได้รับการรักษาและปลอดภัยแล้ว โดยภายหลังจากเรื่องดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ ชาวโซเชียลต่างก็เข้ามาแชร์และให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม ถึงความเสียสละและความลำบากของครูบนดอย ซึ่งต่อมาเจ้าของเฟซบุ๊กคนเดิมก็ได้เข้ามาขอบคุณกำลังใจจากชาวโซเชียล

 

รายงานความคืบหน้าล่าสุด ครูสาวผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวปลอดภัยแล้ว โดยระบุข้อความเอาไว้ว่า นอกจากกำลังใจจากเด็กนักเรียนแล้ว พวกเราก็ได้รับกำลังใจจากพวกท่านที่ทำให้ “ครูหลังเขา” อย่างพวกเรามีแรงพลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเดินทางลำบากในครั้งแรก เพราะทุกปีก็จะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ครูตลอดจนชาวบ้านเสมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รถเข้าออกไม่ได้ ไม่มีถนนให้ผ่าน พอหลังจากน้ำลด ก็จะเหลือไว้แต่ซากไม้และก้อนหินก้อนใหญ่ เส้นทางที่เราเคยขับผ่านได้ก็ต้องแก้ไขด้วยตนเอง อาจมีหลายคำถาม ว่าครูจะรีบไปทำไม ตอบคำถามตรงๆ ว่า ครูไม่ทราบถึงสถานการณ์น้ำ เนื่องจากติดต่อใครไม่ได้จนมาถึงครึ่งทาง เจอสถานการณ์ให้เลือก คล้ายๆ ว่าจะหยุดหรือไปต่อ ประชุมตรงริมลำห้วย ทุกคนตอบไปต่อ เพราะอาหารเด็กอยู่กับเรา ความคิดครูตอนนั้น คือ น้ำป่า หากฝนหยุดก็แห้งเร็ว หากเราติดอยู่ตรงนั้น นอกจากครูจะไม่มีที่พัก ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในขณะที่เนื้อตัวเปียกปอน เด็กก็รอ อาหารก็จะเน่าเสีย เดินทางกันหลายคนรวมทั้งชาวบ้านคงไม่เป็นไร ช่วยกันแบกช่วยกันหามแค่ 8 กิโลเมตรเอง  เดินทางกันด้วยใจ พยายามพูดคุยให้ทุกคนมีความสุขจากการลำบาก สถานการณ์ภายภาคหน้าไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น