เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“นายวีระพล จิรประดิษฐกุล” โฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกกูเลเตอร์ เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดต่อไป คือช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2561 มีโอกาสที่ กกพ. จะตรึงราคาค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ให้อยู่ที่ 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่าเดิม บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจาก กกพ. มีเงินสะสมในกองทุนอยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาตรึงราคาค่าไฟฟ้าได้ ขณะเดียวกันค่าเอฟทีจะสะท้อนราคาก๊าซและราคาน้ำมันเตาย้อนหลัง 6-12 เดือน ดังนั้นอาจจะยังไม่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้างวดปลายปีนี้ แต่อาจจะมีผลในงวดต้นปี 2562

“ค่าเอฟทีงวดที่แล้วคำนวณบนพื้นฐานราคาน้ำมันดิบประมาณ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้นเอฟทีงวดสุดท้ายของปีนี้ต้องมาคำนวณอีกครั้งว่าจะบริหารอย่างไร โดยต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง อัตราการแลกเปลี่ยน” นายวีระพล กล่าว

ขณะเดียวกัน กกพ. ได้ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อจัดทำโครงการนำร่องมาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (ดีมานด์ เรสปอนส์) ในช่วงคริติคอล พีก ไพร์สซิ่ง หรือช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าขั้นวิกฤต โดยจะเป็นการลดค่าไฟแทนการจ่ายเงินชดเชย เพื่อจูงใจให้ผู้ใชไฟฟ้าขนาดใหญ่ประเภท 4 หลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าช่วง 13.30-15.30 น. ซึ่งจะนำร่องทดลองในเดือนส.ค.นี้ ก่อนที่จะประมวลผลและออกมาเป็นมาตรการกำหนดใช้จริงเพื่อลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ในปี 2562 และต่อไป โดยตั้งเป้าหมายจะลดการใช้ไฟฟ้าลง 500 เมกะวัตต์ภายในปี 2567

ทั้งนี้ จะเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการโดยนำร่องจากลูกค้าของทั้ง 3 การไฟฟ้าในช่วงวันที่ 15-30 มิ.ย.นี้ และจะแจ้งผลการรับสมัครภายในเดือนก.ค. โดยตั้งเป้าหมายจะลดการใช้ไฟฟ้าช่วงคริติคอล พีก ลงไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ ภายในเดือนส.ค.นี้ โดยเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและพัฒนาเป็นมาตรการถาว เพื่อเป็นส่วนในการลดภาระลงทุนขยายโรงไฟฟ้าโดยรวม (พีกกิ้งแพลนต์) ของ กฟผ. ได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม หากเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้สำเร็จจะเป็นผลดีต่อองค์กรโดยจะได้รับการลดค่าไฟฟ้า จากอัตราปกติในช่วงคริติคอลพีก ของไฟฟ้าแรงดันสูงอยู่ที่ 9.16 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.12 บาทต่อหน่วย ไฟฟ้าแรงดังกลางอยู่ที่ 9.34 บาทต่อหน่วย เหลือ 5.20 บาทต่อหน่วย และแรงดันต่ำจากเดิมอยู่ที่ 9.66 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.35 บาทต่อหน่วย

ด้าน “นายธวัชชัย จักรไพศาล” ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงาน กฟผ.กล่าวว่า ในส่วนของ กฟผ. มีผู้ประกอบการที่เข้าหลักเกณฑ์โครงการ 5 ราย กำลังความสามารถในการลดใช้ไฟฟ้ารวม 190 เมกะวัตต์ โดย กฟผ. จะส่งหนังสือเชิญชวนผู้ประกอบการให้สมัครเข้าร่วมโครงการ 15-30 มิ.ย. 2561

“นายพูลสิริ ธรรมสโรช” รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟภ. กล่าวว่า โครงการคริติคอลพีกมีประโยชน์ส่วนรวมกับประเทศในการลดใช้ไฟฟ้า โดย กฟภ. มีผู้ประกอบการเข้าหลักเกณฑ์ทั้งสิ้น 5,400 ราย กำลังความสามารถในการลดใช้ไฟฟ้ารวม 10,000 เมกะวัตต์ โดยตั้งเป้าผู้เข้าร่วมโครงการ 500 ราย กำลังความสามารถในการลดใช้ไฟฟ้ารวม 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งผู้สมัครที่เข้าร่วมโครงการสามารถแจ้งยกเลิกไม่เข้าร่วมโครงการได้ภายในวันที่ 12 ก.ค. 2561

“นายพรศักดิ์ อุดมทรัพยากุล” ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังไฟฟ้า กฟน. กล่าวว่า มีผู้ประกอบการที่เข้าหลักเกณฑ์ 680 ราย กำลังความสามารถในการลดใช้ไฟฟ้ารวม 1,000 เมกะวัตต์ ส่วนจำนวนที่จะเข้าร่วมโครงการขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ประกอบการ