เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

บุกรวบหนุ่มใหญ่เจ้าของรถลัมโบร์กินีราคา 12 ล้าน พบสวมทะเบียนปลอม มีสารเสพติดในร่างกาย ซ้ำพกปืน อึ้ง ! คดีอื้อ คาดตุ๋นเหยื่อนับไม่ถ้วนว่าจะสร้างพระ-แอบอ้างรู้จักคนใหญ่โต สูบเงินชาวบ้าน

 

วันที่ 8 มิ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครนายก ภาพเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสิงห์พิทักษ์เมือง อำเภอเมืองนครนายก สนธิกำลังกับ กอ.รมน.นครนายก และเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางสรรพสามิตภาค 2 บุกรวบหนุ่มใหญ่เจ้าของรถลัมโบร์กินี ที่มีสายข่าวแจ้งมาว่า รถคันดังกล่าวมีราคาสูงถึง 12 ล้านบาท ทั้งได้สวมทะเบียนปลอม นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานจึงประสานงานและลงตรวจสอบ

เบื้องต้นพบ นายสิทธิพร อายุ 46 ปี เป็นคนจังหวัดชลบุรี กำลังจะขับลัมโบร์กินีสีส้ม หมายเลขทะเบียน กต-7777 ร้อยเอ็ด ออกจากบ้านเช่าที่อยู่ในตำบลบ้านใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดทางออกบ้าน หลังจากนั้นจึงขอตรวจสอบรถคันดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ของสรรพสามิต ปลัดอาวุโสอำเภอเมือง กอ.รมน.นครนายก และตำรวจ ทำการตรวจสอบ

โดยพบว่ารถคันดังกล่าวได้สวมทะเบียนปลอม ซึ่งตรวจสอบพบว่าทะเบียน กต-7777 นั้น เป็นทะเบียนของรถนิสสันคันหนึ่ง เจ้าหน้าที่สรรพสามิตจะได้ทำการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงได้ทำการค้นรถ พบปืนสั้นขนาด 11 มม. อยู่บริเวณเบาะหลังคนนั่ง

นอกจากนี้ ยังพบว่าเสพยาไอซ์ เนื่องจากมีสารเสพติดในร่างกาย โดยนายสิทธิพรให้การยอมรับสารภาพว่า รถคันดังกล่าวตนเองได้ขอซื้อมาจากเพื่อนอีกคนหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด แต่ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่ารถคันดังกล่าวได้สวมทะเบียนปลอมมาก่อน

 

จากการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกโดยแหล่งข่าวที่แจ้งมายังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองนครนายก พบว่า นายสิทธิพร นั้นเคยมาขอบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอปากพลี และมีพฤติกรรมแอบอ้างเรื่องการทำบุญและจะกำลังสร้างองค์พระเททองให้กับวัด โดยจะหลอกให้คนที่หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง เพราะคิดว่านายสิทธิพรที่กำลังบวชเป็นพระนั้นจะนำเงินมาสร้างพระจริงๆ

นอกจากนี้ ยังพบว่าระหว่างที่นายสิทธิพรบวชอยู่ยังมีพฤติกรรมกับคล้ายกับมีการติดต่อกับเอเย่นต์รายใหญ่แถววัดที่นายสิทธิพรบวชอยู่ ซึ่งชาวบ้านได้เก็บข้อมูลดังกล่าว และแจ้งไปยังศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าตรวจสอบ

โดยในวันนี้สามารถตามรวบนายสิทธิพรได้คาบ้านเช่า แต่ไม่พบยาเสพติดภายในบ้าน คาดว่าน่าจะมีการขนย้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว จากการสอบการเงินทางบัญชีพบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีจำนวนมาก โดยนายสิทธิพรได้บอกว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าของกิจการเพาะพันธุ์หน่อกล้วยน้ำว้าส่งหลายจังหวัด

นอกจากนี้ ยังพบคดีเก่าๆ อีกหลายคดี และเคยเปลี่ยนชื่อกับนามสกุลมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่านายสิทธิพรน่าจะเป็นนักต้มตุ๋นชาวบ้านรายใหญ่ ที่ชอบแอบอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโตในวงการต่างๆ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเหยื่อจนหลงเชื่อและสูญเงินมานับครั้งไม่ถ้วน เคยมีคดีฉ้อโกงมาแล้ว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดรถลัมโบร์กินีมาที่ สภ.เมืองนครนายก เพื่อตรวจสอบหลักฐานของรถอีกครั้ง