เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พระรังสรรค์ จันทร์กล้า อายุ 39 ปี พระลูกวัดสำโรงพัฒนา อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นำกรมธรรม์ประกันชีวิตของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง มาร้องต่อผู้สื่อข่าว เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมหลังจากบริษัทประกันชีวิตไม่จ่ายเงินสินไหมทดแทนให้กับผู้รับผลประโยชน์จำนวนเงิน 1 ล้านบาทตามสัญญา
โดยพระรังสรรค์ เล่าว่า ตนเองมีพี่น้องรวม 4 คน น้องสองคนได้แยกบ้านไปมีครอบครัว เหลือตนกับพี่ชายวัย 40 ปี ซึ่งต่างคนต่างไม่มีครอบครัว พี่ชายเป็นช่างทาสีรับจ้างเหมางานทั่วไป เมื่อเดือนตุลาคม 2559 พี่ชายคือนายวิสัน จันทร์กล้า ได้มาปรึกษาว่าอยากจะทำประกันชีวิต ไว้เพื่อให้เป็นมรดกติดตัวยามแก่เฒ่า จึงตัดสินใจทำประกันชีวิตกับตัวแทนบริษัทประกันชีวิต จ่ายเป็นรายปีๆละ 34,200 ในวงเงินประกัน 1 ล้านบาท ซึ่งในกรมธรรม์ระบุตนเองเป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยได้คุยกับพี่ชายไว้ว่าจะช่วยกันส่งเบี้ยประกันหากเงินส่งเบี้ยแต่ละปีไม่พอจึงตกลงทำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2560 พี่ชายขึ้นนั่งร้านทาสีที่วัดสำโรงพัฒนา นั่งร้านเกิดล้มเพราะมีลมพายุ ทำให้พี่ชายตกจากนั่งร้านถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ระบุสาเหตุการตายตกจากที่สูง

โดยต่อมาได้มีหนังสือจากบริษัทประกันชีวิต ว่าให้ไปรับเงินเบี้ยประกันคืนจำนวนเงิน 68,400 บาท ซึ่งเป็นเงินที่พี่ชายได้ส่งเบี้ยมาได้ 2 ปี ตนตกใจมากเพราะตามสัญญาจะต้องจ่าย 1 ล้านบาทเพราะผู้เอาประกันเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ จึงนำเอกสารทั้งหมดไปร้องต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อขอความช่วยเหลือเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีตัวแทนบริษัทประกันชีวิตโทรศัพท์บอกว่ามาจากระดับเขต มาขอพบ ระหว่างที่ตนกำลังเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปหน่วยงานอื่น  วันนั้นได้ตัวแทนมาด้วยกัน 2 คน ไล่หลานตัวเองที่มาด้วยกันกลับบ้านไปก่อน จากนั้นคนทั้งสองได้ให้ตนนั่งรถไปกับตัวแทนประกัน บอกว่า”เราจะต้องคุยกันนอกบ้าน”ก่อนจะพาไปที่ร้านกาแฟในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.สตึก

จากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งสอง ได้ผลัดเปลี่ยนกันกล่อมคล้ายข่มขู่ ว่า”จะวิ่งยังงัยก็ได้แค่นั้น”เมื่อตนเองไม่ยอมตัวแทนประกันได้ยื่นข้อเสนอจะจ่ายเป็นเงินสดทันที 200,000 บาท ตนก็ไม่ยอมนานกว่า 2 ชม.ทั้งสองคนยื่นข้อเสนอให้อีกเป็น 300,000 บาท ตนก็ไม่ยอมก่อนจะแยกย้ายกันไป

พระรังสรรค์ กล่าวด้วยว่า ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทฯถึงต้องเล่นแง่ เหตุผลที่บริษัทอ้างว่า”ผู้เอาประกันไม่มีความสามารถส่งเบี้ยได้ และมีคนหวังผลประโยชน์”ในความรู้สึกส่วนตัวผู้เอาประกันจะเอาเงินจากไหนก็ได้มาจ่ายเบี้ยประกันเพื่อไม่ให้ผิดสัญญา หากมีข้อแม้ในลักษณะดังกล่าวตัวแทนน่าจะมาสอบประวัติผู้เอาประกันก่อน ว่าสมควรจะรับหรือไม่รับเหมือนกับการตรวจสอบเครดิต หรือการจัดไฟแนนซ์รถ
จึงอยากจะร้องขอให้ผู้ที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น เพราะรู้สึกว่าบริษัทเอาเปรียบลูกค้า พยายามเอาข้อปลีกย่อยในสัญญาที่แทบจะเอามาอ้างอิงไม่ได้มาเป็นข้อท้วงติงเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงิน