เมื่อวานนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องนิรภัย ภายในพระวิหารธรรมศาลา วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสมนึก พรหมเขียว ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยคณะกรรมการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์การขนย้ายกลีบบัวทองคำโบราณ(บัวคว่ำบัวหงาย) น้ำหนักรวมประมาณ 18 กิโลกรัม ซึ่งกรมศิลปากรได้นำลงมาจากยอดองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อหลอมใหม่ จากนั้นคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้อง นำโดย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยังห้องนิรภัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาศูนย์สรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นครศรีธรรมราช เพื่อรับทองคำแท่งน้ำหนักรวม 14 กิโลกรัม
ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบนและนำไปจัดซื้อก่อนนำไปหลอมรวมกับทองคำเก่า หรือทองคำจากกลีบบัวคว่ำบัวหงายที่นำลงมาจากยอดองค์พระบรมธาตุเจดีย์ และทองคำจากผู้มีจิตศรัทธาในพื้นที่ที่ร่วมบริจาคอีกจำนวนประมาณ 22 กิโลกรัม เพื่อหลอมรวมกันและส่งมอบแก่กรมศิลปากรเพื่อดำเนินการรีดและจัดทำเป็นกลีบบัวทองคำ(บัวคว่ำบัวหงาย)ใหม่และนำขึ้นไปประดับบนยอดองค์พระบรมธาตุเจดีย์ตามลำดับต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการบูรณะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ พร้อมทั้งนำกลีบบัวทองคำ(บัวคว่ำบัวหงาย) องค์พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งชำรุดและอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์จำนวนประมาณ 18 กิโลกรัม เพื่อนำมาหลอมใหม่ ร่วมกับทองคำที่จัดซื้อเพิ่มเติมจากงบประมาณของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบน จำนวน 14 กิโลกรัม และทองคำที่จัดซื้อจากเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาในพื้นที่จำนวน 22 กิโลกรัม ซึ่งในส่วนของกระบวนการหลอมทองคำทั้งหมดได้รับความศรัทธาจากทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา เป็นผู้รับผิดชอบในการหลอมทองคำโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย