เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีการประชุมจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต การประชุมครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรคกว่า 700 คน มาร่วมลงมติรับรองอุดมการณ์ หลักการ แนวนโยบาย ข้อบังคับ และเลือกกรรมการบริหารชุดแรกตามขั้นตอนทางกฎหมาย และเพื่อตอกย้ำความเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และนโยบายกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นแนวนโยบายหลักของพรรค สมาชิกก่อตั้งที่มาร่วมประชุม จึงมาจากทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงมีเครือข่ายแรงงานและเยาวชนคนหนุ่มสาว

นอกจากนี้ ในการประกาศอุดมการณ์ แนวทาง และการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำพรรคและตัวแทนเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งมีขึ้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พรรคได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงาน ซึ่งปรากฏว่ามีคนหลากหลายอาชีพ วัย และภูมิภาค เข้าร่วมรวมเป็นจำนวนกว่า 3,000 คน มีผู้ติดตามชมการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์และชมย้อนหลังรวมกว่า 160,000 คน ซึ่งแสดงถึงความต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ อันเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจ

อย่างไรก็ตาม กลับปรากฏว่าในวันงาน นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยตามปกติ ยังมีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบจำนวนมากที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ปะปนกับผู้ชมงาน บันทึกภาพบรรยากาศอย่างละเอียด รวมถึงตามถ่ายภาพทะเบียนรถที่จอดอยู่รอบ ๆ ยิมเนเซียมที่จัดการประชุม หลังจากนั้นไม่กี่วัน สมาชิกก่อตั้งของพรรคอนาคตใหม่จำนวนมาก ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปถึงบ้าน และข่มขู่คุกคามให้หวาดกลัว

การกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของประชาชน ยังละเมิดสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งแม้ปัจจุบันจะไม่สามารถทำได้เนื่องจากขัดคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 แต่ในเมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้รับอนุญาตให้จัดการประชุมพรรค สมาชิกก่อตั้งของพรรค จึงย่อมมีสิทธิ์เดินทางไปร่วมประชุมเพื่อให้การจัดตั้งพรรคลุล่วงตามขั้นตอนทางกฎหมาย เช่นเดียวกับที่พรรคอื่น ๆ ได้ทำไปแล้วหลายพรรค

พรรคอนาคตใหม่ขอยืนยันว่าสมาชิกผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรคทุกคนที่เดินทางมาร่วมประชุมในวันที่ 27 พฤษภาคม มาด้วยความกระตือรือร้น ความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง ต้องการให้การเมืองไทยกลับมาเป็นเรื่องของประชาชน กำหนดโดยประชาชน เพื่อประชาชนอีกครั้ง มิได้กระทำการใดอันละเมิดด้วยกฎหมาย ทั้งกฎหมายปกติ และคำสั่งคสช.

ด้วยเหตุนี้ พรรคอนาคตใหม่จึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ ยุติการกระทำอันลุแก่อำนาจ ล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพพลเมือง และให้ปฏิบัติกับพรรคการเมืองทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกัน ปล่อยให้พรรคการเมืองและประชาชนทุกคนทำกิจกรรมต่าง ๆ อันพึงมีในระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึงเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมตามหลักสากล