เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาชื่อของ อาลี บาแนต กลายเป็นคำที่คนทั่วโลกต่างค้นหา หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ จากการต่อสู้โรคมะเร็งที่เขานิยามให้เป็นของขวัญล้ำค่า ที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนทั้งพฤติกรรมและความคิด ได้ช่วยเหลืองานสังคมและยังยกมรดกทั้งหมดให้การกุศล อาลี บาแนต เป็นหนุ่มมหาเศรษฐีชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยล้นพ้น ครอบครองธุรกิจหลายพันล้านเอาไว้ในมือ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจตั้งแต่อายุยังเพียง 20 ปีกว่าๆ เท่านั้น แต่ย้อนกลับไปเมื่อ 2015 เขาถูกตรวจวินิจฉัยพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็ง

จากชีวิตที่มั่งคั่ง สะดวกสบาย กินหรูอยู่ดี วันที่เขาคิดว่าเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต กลับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดของเขาไปอย่างสิ้นเชิง อาลี บาแนต ไม่มองโรคมะเร็งเป็นความเศร้าในชีวิตเขา แต่เขากลับคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยเหลือโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากขึ้น ก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป

เขาจึงตัดสินใจขายหุ้นในธุรกิจต่างๆ ที่ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐี ทิ้งทุกอย่างที่มั่นคงเอาไว้ข้างหลัง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประเทศคองโก พื้นที่ที่ประชากรยังคงมีความขาดแคลนสูงติดอันดับโลก และเริ่มทำกิจกรรมการกุศลอย่างจริงจัง กระทั่งเขาเริ่มต้นโปรโจคที่ชื่อว่า MATW หรือ Muslims Around The World มูลนิธิคุ้มครองชาวมุสลิมทั่วโลก เป็นโครงการเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ชาวมุสลิม โดยใช้ทรัพย์สินของตัวเองเริ่มกิจกรรมนี้ รวมทั้งเปิดโอกาสของชาวโลกในร่วมบริจาคช่วยเหลือด้วย ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เขาสามารถระดมทุนได้มากกว่า 32 ล้านบาท แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชื่อเสียงใดๆ จากการทำกิจกรรมครั้งนี้ และเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา อาลี บาแนต ก็ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบจากโรคมะเร็ง ด้วยวัย 32 ปี โดยเขาได้มอบทรัพย์สินส่วนตัวจำนวนหนึ่งอุทิศให้กับงานการกุศลทั้งหมด