เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ความคืบหน้าคดี 4 ผู้ต้องหา ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.น้องกิ๊ฟ อายุ 21 ปี ที่ถูกพบกลายเป็นศพเสียชีวิตคาล้งผลไม้ที่กำลังก่อสร้างไม่มีเลขที่พื้นที่บ้านตะบกเตี้ย ม.7 ต.ฉมัน อ.มะขาม จ.จันทบุรี เมื่อช่วงสายของวันที่ 27 พ.ค.61 ที่ผ่านมา

ล่าสุด พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.เชษฐา กีร์ชวรรณ ผู้กำกับการตำรวจภูธร สภ.มะขาม พร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญตัวเพื่อนผู้ตายและผู้หญิงที่อีก 2 คนมาที่สภ.มะขามเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความเกี่ยวข้องในคดี เพื่อคลายปมสงสัยว่าทำไมไม่เรียกตัวมาสอบสวน

โดยเพื่อนผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเองซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียชีวิตได้ไปดื่มกินกับผู้เสียชีวิตจริง ส่วนการที่ไม่ตามน้องกิฟท์กลับด้วยกันเพราะเวลาเที่ยวผับน้องกิฟท์จะแยกตัวไปเที่ยวและแยกกันกลับเป็นปกติอยู่แล้ว ยืนยันไม่รู้จักกันกับกลุ่มผู้ต้องหา

ส่วนทางด้านหญิงสาวที่อยู่ในคลิปกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนคือผู้ที่อยู่ในคลิปแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบปากคำไปแล้ว ในวันเกิดเหตุตนเองนั่งดื่มกินอยู่ใกล้กับโต๊ะของผู้เสียชีวิตซึ่งตนเองไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิตมาก่อน ในช่วงที่เกิดเหตุเห็นผู้เสียชีวิตล้มฟุบลงกับโต๊ะและมีกลุ่มผู้ชายมาช่วยกันพยุง ตนเองด้วยความหวังดีเห็นกระเป๋าของผู้เสียชีวิตตกอยู่กับพื้นจึงเก็บและวิ่งตามนำมาคืนให้ ในส่วนของคดีตนเองไม่เกี่ยวข้อง

ด้านของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่คำพูดในแชทซึ่งตนเองได้แชทพูดคุยกับเพื่อนสนิท ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาสู่โลกโซเชี่ยลทำให้เกิดประเด็นร้อนขึ้นมากล่าวว่า สนิทกับกลุ่มผู้ต้องหาบางคน แต่ไม่รู้จักน้องกิฟท์ ข้อความที่ปรากฏคุยแชตส่วนตัวกับเพื่อนที่พูดเรื่องยาเคไม่รู้ว่าหลุดไปได้อย่างไรตนฟังจากคนอื่นต่อๆ มาไม่รู้ว่าต้นตอมาจากใคร การที่ตนพูดว่าอย่าโทษแต่ผู้ชายเพราะรู้จักกับคนในกลุ่มว่านิสัยดี ไม่เคยมีเรื่องไม่ดี ตอนนี้ “คนด่าหนูทุกทางด่ามากกว่าคนที่โดนจับอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นแบบนี้”  ซึ่งตนเองก็ได้โพสต์ขอโทษลงในโซเชี่ยลไปแล้วพร้อมกล่าวขอโทษอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนไม่มีเจตนาแต่อย่างใด

ขณะที่พล.ต.ต.จรัล กล่าวว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ในระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ถ้าผลตรวจออกมามีความเกี่ยวข้องกับผู้ใดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามคดีนี้จากการสอบสวน 4 ผู้ต้องหา นายณัฐพงษ์ , นายปัฐวีร์ และนายปัญญา ให้การยอมรับสารภาพว่าได้ลงมือข่มขืนเหยื่อจริง แต่ไม่ได้มีการมอมยาตามที่ถูกกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยที่ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ส่วนนายสุรสิทธิ์ ผู้ต้องหารายที่ 4 ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ร่วมลงมือข่มขืน แต่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาสนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยที่ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืน อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง