เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ซึ่งมีผู้เดือดร้อนจากถูกหลอกลวงขายทองคำผ่านทางเฟซบุ๊กประมาณ 30 คน เดินทางมาแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สิทธิโชค บัวทอง ร้อยเวร สภ.คลองแงะ มูลค่าความเสียหายนับ 100 ล้านบาท เฉพาะเจ้าของร้านทองเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ตามข่าวที่ MGR Online ภาคใต้ นำเสนอไปก่อนหน้านี้

นายเจษฎา แซ่ลิ้ม หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า มีการชักชวนให้ชื้อทองคำผ่านทางเฟซบุ๊กโดยคนที่เปิดเฟซบุ๊กชักชวนชื่อ ฝน หรือใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Fon Jirawan โดยอ้างว่าเป็นทองคำหลุดจำนำ ขายในราคาบาทละ 16,000 บาท จึงสนใจเข้ามาชื้อโดยโอนเงินให้คนชื่อดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับทองคำ และไม่สามารถติดต่อคนชื่อฝนได้อีกเลย โดยพบว่าไม่รับโทรศัพท์แต่ยังไม่ปิดบัญชีเฟซบุ๊ก

“ขอไม่เปิดเผยความเสียหายนะครับ สำหรับกลุ่มผู้เสียหายล่าสุดมีประมาณ 100 กว่าคน มูลค่าความเสียหายยังสรุปไม่ได้ แต่คาดว่านับ 100 ล้าน วันนี้จึงเดินทางมาแจ้งความไว้”

ด้านเจ้าของร้านขายทองคำรายหนึ่งเปิดเผยว่า คนชื่อฝน ได้มาชื้อทองคำที่ร้านนานนับปี ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ชื้อทองคำจะจ่ายเงินสด แต่ครั้งหลังที่มีปัญหา มาชื้อทองคำช่วงเย็นธนาคารปิดแล้ว เขาอ้างว่าจะไปโอนเงินให้จากธนาคารในศูนย์การค้าไม่เกิน 2 ทุ่ม จะโอนเงินให้ เขาขอรับทองคำไปก่อน ทางเราก็ตกลงเพราะชื้อขายกันมานานนับปีไม่มีปัญหา

“แต่ปรากฎว่า เมื่อถึงเวลานัดเขาไม่โอนเงิน เมื่อถามเขาก็อ้างว่าจะโอนเวลานั้นเวลานี้แต่ก็ไม่โอนตามนัด นอกจากไม่โอนเงิน 4 ล้านกว่าบาทมาให้ ยังจะมาขอชื้อทองเพิ่มแต่ทางร้านไม่ได้ให้ทองคำไป โดยยืนยันกับฝนว่า ให้โอนเงินที่ค้างไว้ก่อนแต่เงินก็ไม่ถูกโอนมา และทราบว่ามีหลายคนโอนเงินให้ฝนเพื่อชื้อทองคำแต่ไม่ได้รับทองคำตามที่ซื้อ ผู้เสียหายจึงชวนกันมาแจ้งความ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองแงะ ที่เกี่ยวข้องต่อคดียังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์รายละเอียดเนื่องจากขอสืบสวนรายละเอียดผู้เสียหายก่อน และผู้เสียหายบางคนอาจจะมีส่วนร่วมก่อความเสียหายด้วยก็เป็นได้ ซึ่งต้องใช้เวลาสืบสวนก่อน ส่วนผู้ที่ถูกแจ้งความชื่อตามบัตรประจำตัวประชาชน น.ส.ฟารีดา ลิมะพันธุ์ 41/176 ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ 1 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่มาเช่าบ้านอยู่ใน ต.คลองแงะ อ.สะเดาจ.สงขลา และล่าสุด ได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้ว

หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ โดยพบว่า กรณีการฉ้อโกงในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง