สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เกิดเหตุ คลั่งยิงกราดในโรงเรียน ของสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ครั้งนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมศึกษาซานตาเฟ เมืองซานตาเฟ ใกล้เมืองฮูสตัน รัฐเท็กซัส เบื้องต้น เอ็ด กอนซาเลซ นายอำเภอแฮร์ริส พื้นที่เกิดเหตุ แจ้งว่า มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ส่วนผู้บาดเจ็บ 9 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายถูกส่งไปยังโรงพยาบาล
เว็บไซต์เดอะมิร์เรอร์รายงานคำให้การของนักเรียนในเหตุการณ์ระบุว่า ช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายเป็นนักเรียนด้วยกัน สวมเสื้อกันฝนแบบทหาร ถืออาวุธปืนลูกซองแฝด และปืนพก บุกเข้ามาในห้องเรียนศิลปะพร้อมตะโกนว่า “เซอร์ไพรส์” และพุ่งเป้ายิงไปที่นักเรียน 3 คน ก่อนกราดยิงอย่างบ้าคลั่งไปทั่ว จากนั้นสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น นักเรียนจำนวนมากซึ่งได้ยินเสียงรั่วปืนพากันวิ่งหนีตายออกมานอกโรงเรียน
นายแซค มูเฮ นักเรียนเกรด 11 ของโรงเรียนซานตาเฟ ไฮสคูล ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ 26 ว่า คนร้ายเป็นนักเรียนที่เรียนวิชาอเมริกันฟุตบอลด้วยกัน พอเห็นว่าเพื่อนคนนี้ถือปืนเดินเข้ามาในโรงเรียนก็รีบวิ่งไปอีกห้องเรียนเพื่อบอกครูซึ่งเป็นคนดึงสัญญาณเตือนภัยให้ออกจากโรงเรียน ซึ่งมือปืนรายนี้ปกติชอบใส่เสื้อกันฝนแบบทหารเดินไปเดินมาในโรงเรียนเป็นประจำ ต่อมาคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและนำตัวไปสอบปากคำแล้ว และควบคุมตัวบุคคลที่สองต้องสงสัยอีกคนไปด้วย
เหตุคลั่งยิงดังกล่าวเป็นคดียิงในโรงเรียนครั้งที่ 3 ในรอบ 1 สัปดาห์ และเป็นครั้งที่ 22 ที่เกิดขึ้นในประเทศนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และก่อให้เกิดการประท้วงกฎหมายครอบครองอาวุธปืนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเหตุที่โรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย เมื่อวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ.
