เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เดอะซัน รายงานว่า เด็กหญิงวัยสามขวบ ประเทศโปรตุเกส มีอาการผื่นคันตามผิวหนัง ถูกวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าเป็นโรคผิวหนังอักเสบ เธอได้รับยาทาปฏิชีวนะ ยาทาสเตียรอยด์ และยาต้านฮีสทามีน เพื่อบรรเทาอาการคัน แต่ไม่ได้ผล สัปดาห์ต่อมาเธอจึงถูกพาไปโรงพยาบาลเดอบรากา เด็กได้รับยาเพื่อรักษาโรคเริม ผื่นคันจึงหายไปใน 10 วัน

แม่ของเธอกล่าวว่า พ่อของเด็กเป็นโรคเริมจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซึ่งเชื้อไวรัสดังกล่าวเป็นสาเหตุของหลายๆ โรค ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายที่เชื้อแพร่กระจาย และภูมิคุ้มกันของร่างกาย

“การติดเชื้อโดยทั่วๆ ไปจะเกิดบริเวณผิวหนัง ตา ช่องปาก และอวัยวะสืบพันธุ์” ดร.ไอเนส มีเดโรส ผู้รักษาเด็กหญิงวัยสามขวบกล่าว “การติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะหายได้เอง ยกเว้นผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเด็กทารก โดยไวรัสเฮอร์ปีส์สามารถติดได้ง่ายมากในเด็กทารกและเด็กวัยหัดเดิน เช่นผ่านการจูบ และทำให้ถึงตายได้”

ไวรัสเฮอร์ปีส์มีสองประเภทคือ HSV1 กับ HSV2 ที่สามารถติดเชื้อผ่านการสัมผัสผิวหนัง ปาก และอวัยวะสืบพันธุ์รวมถึงทวารหนัก ทั้งสองประเภทนี้เป็นสาเหตุของโรคเริมที่ปากและอวัยวะสืบพันธุ์ และอาจมีอาการอักเสบเล็กน้อยที่มือและนิ้ว ไวรัสชนิดนี้จะเป็นอันตรายอย่างมากในเด็กทารกอายุต่ำกว่าหกเดือน และทารกแรกเกิด เพราะว่าภูมิคุ้มกันของพวกเขายังไม่พัฒนา

สาเหตุการติดเชื้อเริมในทารกเกิดจากการสัมผัสเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์จากผู้ใหญ่ที่เป็นเริม บางครั้งมันส่งผลกระทบเฉพาะที่ตา ปาก และผิวหนัง กรณีนี้ทารกส่วนใหญ่จะรักษาได้ด้วยยาต้านไวรัส แต่อาการเจ็บป่วยนี้จะร้ายแรงถ้ามันกระจายไปทั่วอวัยวะของทารก มีทารกสามคนที่ติดเชื้อเริมเสียชีวิต แม้ว่าพวกเขาได้รับการรักษา

ดร. ซาราห์ จาร์วิส บอกกับเดอะซันว่า “ถ้าแม่เด็กทารกเป็นโรคเริมและจูบลูกของเธอ มันมีความเสี่ยงว่าแม่เด็กจะแพร่เชื้อเริมไปยังทารกด้วย และตามหลักทฤษฎีแล้ว การที่แม่ให้นมลูกก็อาจทำให้ติดเชื้อด้วยเหมือนกัน”

ดร.จาร์วิส อธิบายเหตุผลที่ทารกมีความเสี่ยงสูง เพราะว่าภูมิคุ้มกันของพวกเขายังไม่พัฒนาเต็มที่