เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ตำรวจ สภ.นางรอง นำหนุ่มวัย 35 ปีที่ก่อเหตุยิงภรรยาตัวเองและพ่อตาเสียชีวิต 2 ศพรวดที่บ้านพักฝ่ายหญิง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพถึง 2 ครั้งหลังพบชาวบ้านเตรียมรุมประชาทัณฑ์ เผยชนวนเหตุเพราะตั้งแต่แต่งงานไม่ได้หลับนอนกับฝ่ายหญิง ชาวบ้านกว่า 200 สาบแช่งว่าทำรุนแรงจากกรณีที่นายสมหมาย อาษากูล อายุ 35 ปี ลูกเขยโหด ได้ใช้อาวุธปืนสั้น ชนิดลูกโม่ ขนาด .38 ก่อเหตุยิงน.ส.อรณี ยอดสว่าง อายุ 25 ปี ภรรยา และใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงนายสำเนา ยอดสว่าง อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นพ่อตา เสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 76 บ้านหนองมะค่า ม.14 ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2561 หลังจากตามง้อขอคืนดีกับภรรยาไม่สำเร็จ ท้องที่สภ.นางรอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

จนกระทั่งกองปราบสามารถจับกุมตัวนายสมหมาย อาษากูล อายุ 35 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาจังหวัดนางรอง เลขที่ 67/2561 ลงวันที่ 13 เม.ย. 2561ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
โดยต่อมาได้นำตัวมาสอบสวน ที่ สภ.นางรอง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง เนื่องจากไม่พอใจฝ่ายหญิงที่แต่งงานกันด้วยสินสอดกับทองรูปพรรณมูลค่ากว่า 1 แสนบาท แต่ฝ่ายเจ้าสาวกลับไม่ให้ร่วมหลับนอนด้วยนานกว่า 1 เดือน ถึงขึ้นเลิกรากันและฝ่ายชายได้ตามง้อขอคืนดีนานกว่า 1 ปี จนถึงวันก่อเหตุ

โดยวันนี้ 10.00 น.ได้มีกำหนดที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนระกอบคำรับสารภาพ แต่มีญาติและชาวบ้านจับกลุ่มคอยกันหลายร้อยคน และมีท่าทีจะรุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา จึงกลับไปวางแผนที่ สภ.นางรอง จนกระทั่งเวลา 13.00 น.จึงนำตัวนายสมหมาย ไปทำแผนจุดที่ยิงภรรยา และพ่อตา แล้วไปทำแผนจุดที่ไปเอาปืน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ใช้เวลาในการทำแผนทั้งหมดประมาณ 5 นาที ท่ามกลางเสียงสาบแช่งของชาวบ้านที่มาดูการทำแผนเป็นระยะพ.ต.ท.มานิตย์ สร้อยจิตร รอง ผกก.ห้วหน้าชุดสืบสวน สภ.นางรอง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้ติดตามผู้ต้องหาอย่างกระชั้นชิด จนกระทั่งทราบว่าไปกบดานอยู่กับเพื่อนที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยหลังก่อเหตุนายสมหมาย ได้โทรศัพท์ให้เพื่อนมารับ แล้วมีญาติเป็นส่งเงินค่าเดินทางอย่างไรก็ตามสำหรับเพื่อนที่มารับตำรวจจับกุมตัวมาดำเนินคดีที่ช่วยพาผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท อย่างไรก็ดี ตามมาตรา 193 หากการกระทำผิดตามมาตราดังกล่าว เป็นไปเพื่อช่วยเหลือบิดา มารดา บุตร สามีหรือภริยา ศาลจะไม่ลงโทษ ก็ได้