เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สืบเนื่องจากกรณีการพบโครงกระดูกไร้กระโหลกศีรษะบริเวณแหล่งโบราณคดีตรงข้ามวัดสันเปาโล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เมื่อ พ.ศ.2557 โดยมีข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็นโครงกระดูกของพระปีย์หรือเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ซึ่งถูกประหารในคราวช่วงชิงอำนาจยุคปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยานั้น

ล่าสุด ผศ.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย ผศ.ดุลยภาค ได้เดินทางไปที่บริเวณวัดสันเปาโล จ.ลพบุรี พบว่าหลุมศพถูกฝังกลบเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเจอกับ “ลุงเล็ก” ที่เป็นคนช่วยกรมศิลปากรดูแลเขตโบราณสถานวัดสันเปาโล ระบุว่า “ปัจจุบันหลุมโครงกระดูกของฟอลคอนกับพระปีย์ (ที่อยู่ริมถนนตรงข้ามวัดสันเปาโล) ถูกดินฝังกลบเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงตกลงเจรจาซื้อขายที่ดินระหว่างเอกชนกับกรมศิลฯ ซึ่งหากซื้อขายสำเร็จ จะมีการขุดโครงกระดูกและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ต่อไป”

 

 

“โครงกระดูกทั้งสองอยู่ในสภาพไม่มีศีรษะ ลุงเล็กแจ้งว่าโครงกระดูกที่มีรูปร่างใหญ่และสูงกว่าน่าจะเป็นของฟอลคอน ส่วนที่เล็กและเตี้ยกว่านั้น น่าจะเป็นพระปีย์ แต่ลุงเล็กอธิบายต่อว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จริงๆ แล้วไม่ใช่คนที่สูงใหญ่มากนักดังที่บางคนเข้าใจ ส่วนกะโหลกศีรษะของวิชาเยนทร์ ลุงเล็กให้ข้อคิดเห็นว่า แม้ร่างฟอลคอนได้ถูกฝังอยู่ไม่ไกลจากพระศพของพระปีย์ แต่ศีรษะฟอลคอนถูกตัดไปเสียบประจานไว้ในระยะที่ห่างออกมา ฉะนั้น จึงพบกะโหลกศีรษะในตำแหน่งที่ห่างออกจากโครงกระดูกหลักและอยู่ในชั้นดินที่ตื้นกว่านั่นเอง”

หากดูที่บ้านเกิดของฟอลคอนที่ว่ากันว่าเป็นชาวกรีกผสมเวนิซจากเซฟาโลเนียทางแถบทะเลไอโอเนีย คนพื้นเมืองที่นั่นมักมีรูปร่างไม่สูงใหญ่หรือหนีห่างจากผู้คนแถบเอเชียนัก ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของลุงเล็กที่บอกว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทร์เป็นฝรั่งร่างเล็ก ไม่ได้สูงใหญ่อะไรมาก ส่วนหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับมรณกรรมของ เจ้าพระยาวิชเยนทร์และพระปีย์ แม้จะมีการให้ข้อมูลแตกต่างกันบ้าง เช่น การตัดหัวผ่าศพแยกร่างฟอลคอน การแร่เนื้อฟอลคอน แต่หลักฐานส่วนใหญ่ก็พูดในลักษณะที่ค่อนข้างสอดคล้องตรงกัน นั่นคือ ฟอลคอนได้ถูกทรมานก่อนตายพร้อมเป็นจังหวะการตายที่ไล่เลี่ยสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการฆาตกรรมพระปีย์

 

 

ผศ.ดุลยภาค เผยอีกว่า สุดท้ายแม้จะไม่สามารถชี้ชัดยืนยันได้เต็มปากว่าโครงกระดูกมนุษย์ในที่ดินริมถนนตรงข้ามวัดสันเปาโลนี้ เป็นของพระปีย์กับฟอลคอนจริงๆ แต่เมื่อเทียบจังหวะเวลาการเสียชีวิต ความผูกพันทางการเมืองของบุคคลทั้งสอง รวมถึง อาณาบริเวณการประหาร-ฝังศพ ที่อยู่ในเขตรัศมีตำบลทะเลชุบศรอันประกอบด้วยชุมชนคริสเตียนวัดสันเปาโล พระที่นั่งเย็น (ตำหนักหนึ่งของพระนารายณ์และเป็นจุดปะทะคุมเชิงระหว่างทหารรักษาพระองค์ต่างชาติกับทหารพระเพทราชา) และ วัดซาก (เขตประหารนักโทษการเมืองที่ขึ้นชื่อและมีบางหลักฐานระบุว่าเป็นที่ประหารของฟอลคอน) ผมคิดว่าเราก็อาจพอสรุปได้ว่า ทั้งพระปีย์และฟอลคอน ได้สิ้นลมทรมานในเขตทะเลชุบศรอย่างแน่นอน และก็มีความเป็นไปได้ที่ศพของพระปีย์และฟอลคอน (ซึ่งทั้งคู่ถือศาสนาเดียวกัน) จะถูกนำมาฝังไว้หรือแม้แต่เสียบประจานไว้ที่ชุมชนสันเปาโล หากแต่ข้อสันนิษฐานนี้จะน้ำหนักมากน้อยขนาดไหนนั้น คงต้องปล่อยให้มีการวินิจฉัยสอบสวนหลักฐานกันต่อ