เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“ศรีสุวรรณ”กัดไม่ปล่อย แซะไม่เลิก จ่อร้องสำนักพุทธ-มหาเถรฯ สอบทรัพย์สิน “ทิดไพรวัลย์” หลังลาสิกขา

นายศรีสุวรรณ จรรยา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แซะอดีตพระมหาไพรวัลย์ที่เพิ่งสึกออกมาเป็นทิดสดๆ ร้อนๆ ขอให้สนุกกับการใช้ทรัพย์สินที่สะสมตลอดเพศบรรพชิต และให้รอดพ้นปลอดภัยจากภัยที่เกิดจากคำพูด

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

-พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ทำพิธีการลาสิกขาบทอย่างเป็นทางการแล้ว

-สุดระทึก เครื่องบิน F5 ตกที่ลพบุรี นักบินดีดตัวออกมาทัน บาดเจ็บขาหัก

 

 

นายศรีสุวรรณ เผยว่า ที่ตนโพสต์ลงไปดังกล่าวนั้น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 กำหนดว่าภิกษุเมื่ออยู่ในสมณเพศแล้วมีทรัพย์สิน หากลาสิกขาต้องคืนให้แก่วัด เว้นแต่จัดแจงหรือทำพินัยกรรม แต่ทรัพย์สินที่ได้มาก่อนเป็นพระ ถือเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล สามารถตกทอดไปยังบุคคลอื่นๆ ได้ แต่กฎหมายดังกล่าวไม่ได้บอกว่าทรัพย์สินพระจะไปตกที่ใคร หากมรณะภาพจะตกแก่วัดที่จำพรรษา จึงเป็นช่องว่างให้พระที่เจตนาไม่ดีหลายรูปที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อสะสมเงินทอง ไม่ว่าเทคนิคการเผยแพร่ธรรมะอย่างผิดพระธรรมวินัย หวังเรตติ้งและโพสต์ขอรับเงินบริจาค ถือว่าผิดศีล 227 ที่กำหนดไว้ ที่ว่าห้ามรับเงิน แต่เราเพิกเฉยมาตลอด
นายศรีสุวรรณ เผยว่า การที่ตนโพสต์ไม่ใช่โง่เง่าไม่เข้าใจกฎหมาย แต่ต้องการสื่อถึงสังคมว่าถ้าเกิดแบบนี้ต่อจะมีคนแบบนี้ ไม่หาเงินทองด้วยวิธีอื่น ใช้วิธีบวชพระสร้างสถานะขึ้นมาจนมีญาติโยมถวายปัจจัยเต็มย่าม พอเต็มก็ลาสิกขาไปเสวยสุข ตนว่าไม่ใช่ เพราะคนทั่วไปที่ถวายปัจจัยให้สงฆ์ มีนัยยะคือถวายให้ศาสนา เพื่อนำปัจจัยไปบำรุงศาสนา ไม่ใช่ให้เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกแก้ไข หรือออกมติมหาเถระสมาคม จะเกิดเหตุแบบนี้อีก

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ตอนที่ตนโพสต์นั้น พระมหาไพรวัลย์ ยังครองสมณเพศ จึงมีสิทธิ์ที่จะกระทำการใดๆ ต่อทรัพย์สินที่มี ไม่ว่าจะจำหน่ายจ่ายแจกหรือทำพินัยกรรม แต่เมื่อลาสิกขา ถอดผ้าเหลืองออกมาแล้ว ถ้ายังกลับมานำทรัพย์สินในกุฏิมาใช้ในประโยชน์ส่วนตนก็จะผิดกฎหมาย ซึ่งถ้าเป็นจริงก็เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ซึ่งถือเป็นของวัด ตนในฐานะประชาชน รัฐธรรมนูญปัจจุบัน กำหนดให้ประชาชนสนับสนุนพุทธศาสนา และรัฐต้องมีกลไกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ ตนจะไปร้องเรียนให้สำนักงานพระพทุธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคม ตรวจสอบเพื่อสั่งการไปยังต้นสังกัดของพระหรืออดีตพระ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย หากเพิกเฉยไม่ทำตามคำร้องจะเข้าข่ายละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสามารถนำเรื่องไปฟ้องร้องต่อศาลได้ และตนจะเสนอให้มีมาตรการเกี่ยวกับทรัพย์สินขณะที่พระบวชอยู่ ว่าต้องเป็นของวัดหรือบุคคล ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาเรื้อรังบ่อนทำลายพุทธศาสนา

สำหรับกระแสข่าวที่ว่า 2 พส.มีทรัพย์สินกว่า 300 ล้านบาทนั้น ตนต้องตรวจสอบข้อมูลก่อน ยังไม่ขอผลีผล่าม แต่หากมีมูลจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายแน่นอน