เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

งานนี้จะเป็นข่าวดีหรือเป็นประเด็นดราม่า เมื่ออธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เปิดเผยว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) หลายแห่งยังมีความสับสนว่ากรณีที่ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐด้วยนั้น จะถือเป็นผู้ได้รับสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ และทำให้ขาดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามข้อ 6 (4) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 หรือไม่ ขอชี้แจงว่า สิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุเป็นรายเดือนนั้นเป็นไปตามพ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 มาตรา 11 (11) และนายกฯ ประกาศกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวกับการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพในสังกัดอปท. มีหน้าที่จ่ายเงินเบี้ยยังชีพเป็นรายเดือนให้แก่ผู้สูงอายุอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรืออปท. ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐหรืออปท.จัดให้เป็นประจำ ซึ่งสิทธิของผู้สูงอายุที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเมื่อเข้าเงื่อนไขกรณีใดกรณีหนึ่งตามข้อ 14 ของระเบียบนี้ นั่นคือ 1.ตาย 2.ขาดคุณสมบัติตามข้อ 6 และ 3.แจ้งสละสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นหนังสือต่ออปท.ที่ตนมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่จัดให้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น เป็นไปตามมติครม. เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยให้การช่วยเหลือเป็นบัตรสวัสดิการนำไปใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโดยสารรถโดยสารประจำทางและรถไฟตามที่กำหนด ซึ่งประโยชน์ที่ผู้สูงอายุจะได้รับจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ได้มีลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

อธิบดีสถ. กล่าวว่า ดังนั้น การได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงมิใช่ลักษณะต้องห้ามในการมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตามข้อ 6 (4) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของอปท. พ.ศ. 2552 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ สถ.ได้มีหนังสือแจ้งให้อปท.ทราบและถือปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกันเรียบร้อยแล้ว