เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างประเมินภาพรวมโครงสร้างประชากรในอนาคตอีก 30-40 ปี ข้างหน้า ว่า ประชากรไทยจะมีสัดส่วนอายุในช่วงใดและจำนวนเท่าใด เพื่อนำมาประเมินถึงความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล เนื่องจากไทยได้เข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว

เรื่องการออมเงินของประชาชนก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรและการลงทุนภาครัฐ เพราะปัจจุบันเงินออมวัยเกษียณของคนไทยอยู่ในระดับ 2.5 ล้านล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ไม่สอดคล้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตและการออมของคนสูงวัย โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบมีการออมเพื่อวัยเกษียณน้อยมาก โดยแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคน มีการออมเพื่อวัยเกษียณผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพียง 500,000 คนเท่านั้น ขณะที่คนเหล่านี้ก็จะอายุมากขึ้น ถ้าไม่สนับสนุนให้มีการออมเงินต่อไป คนเหล่านี้ก็จะเป็นภาระของรัฐบาลในอนาคต

กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายว่า ผู้สูงอายุควรมีเงินใช้แต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 50% ของรายได้ต่อเดือนก่อนเกษียณ โดยในกลุ่มแรงงานนอกระบบยังมีการออมน้อยมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มข้าราชการที่มีระบบการออมภาคบังคับ คือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ทำให้ผู้เป็นข้าราชการมีเงินออมไว้ใช้ในแต่ละเดือนหลังเกษียณ เฉลี่ย 60-70% ของรายได้ต่อเดือนก่อนเกษียณ ส่วนแรงงานกลุ่มอื่นๆ มีเงินออมไว้ใช้ในแต่ละเดือนหลังเกษียณเฉลี่ยเพียง 20% ของรายได้ต่อเดือนก่อนเกษียณ