เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

การที่ตัวเราความสมบูรณ์ไม่ครบ 32 เหมือนกับคนอื่น มันไม่ได้แปลว่าคุณค่าของตัวเราจะน้อยกว่าคนอื่น และการที่เรียกสิ่งที่ตัวเองมีว่าปมนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นปมด้อยเสมอไป เพราะสิ่งที่คุณเป็นอาจจะเป็นปมเด่นก็ได้

อย่างเช่น พลอย-สโรชา กิตติสิริ คนนี้ ที่ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสาวทุพพลภาพ มีความพิการทางสายตา แต่เธอก็สามารถเรียนจบปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ จบศึกษาปริญญาโท สาขาจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อย่างภาคภูมิ

และสิ่งที่เรียกว่าทำให้เธอมีความพิเศษและเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้คนที่มีความทุพพลภาพ ทางด้านสายตานั้นก็คือ ถึงเธอจะมองไม่เห็น แต่เธอก็สามารถเขียนหนังสือวรรณกรรมร่วมสมัยและได้รับรางวัลมาแล้ว ทั้งเรื่อง “จนกว่า เด็กปิดตา จะโต” และ “ก ไก่เดินทาง นิทานระบายสี

จนกว่า เด็กปิดตา จะโต

โดยหนังสือ “จนกว่า เด็กปิดตา จะโต” เป็นเรื่องราวบันทึกส่วนตัวของเธอที่เขียนอย่างสม่ำเสมอมาตลอดเกือบสองปีเต็ม ที่เธอได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของเธอออกมาอย่างไม่มีกรอบอะไรมาจำกัดเอาไว้ เล่าในสิ่งที่เธอพบเจอในการดำเนินชีวิต ความนึกคิดที่เกิดขึ้น มุมมองต่อสิ่งต่างๆ บทเรียน ที่เธอได้จากการไตร่ตรอง ทำให้เธอมองไปข้างหน้าว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร ซึ่งผลงานการเขียนของเธอนั้นได้ รับรางวัลชมเชย กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี (สารคดี) ในปี 2559 มาแล้ว

ก ไก่เดินทาง นิทานระบายสี

และนอกจากนั้นหนังสือ “ก ไก่เดินทาง นิทานระบายสี” ของเธอก็ยังได้รับรางวัล ชมเชย หนังสือสารคดี หนังสือดีเด่น ประจำปี 2560 และนอกจากนั้นเธอยังมีหนังสือเรื่อง “เห็น” อีกด้วย

สำหรับมุมมองของคนที่มองไม่เห็นนั้น พลอย สโรชา เคยเผยถึงความรู้สึกของเธอผ่านบันทึกว่า การที่ตัวเองตาบอดนั้นเหมือนเธอเป็นคนที่ถูกเลือก ไม่ว่าจะเธอจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เธอถูกเลือกให้มาเป็นคนตาบอดด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง

การที่เธอมองไม่เห็นนั้นมันทำให้เธอได้สัมผัสถึงความกลัว ความเชื่อที่ผิดๆ แต่ยังไงก็ตามเธอก็สัมผัสและเห็นถึงความรัก ความเข้าใจของกันและกัน ซึ่งเธอมักที่จะรู้สึกได้ผ่านคนรอบตัว และไม่น้อยครั้งที่เธอรู้สึกจากตัวเอง ซึ่งเธอรู้สึกแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอรู้สึกสะเทือนใจ เพราะทุกอย่างเหมือนเป็นการสร้างกำแพงที่เธอไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรขึ้นมากันเธอไว้

แต่ในสุดท้ายแล้วเธอก็มีความคิดที่ว่า มันไม่ใช่การมองไม่เห็นหรอก ที่ทำให้หลายๆ สิ่งเป็นเรื่องยาก แต่ความเชื่อว่าการมองไม่เห็นต่างหาก คือต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรารู้สึกแย่และปิดกั้นตัวเอง

 

พลอย สโรชา

พลอย สโรชา

พลอย สโรชา