อินบ็อกซ์มาที่ร้าน บอกจะมากินบุฟเฟ่ต์ มีคูปอง 2 ใบ จะพามากิน 4 คน ได้ไหม
อย่างไรก็ตาม ทางแอดมินเฟซบุ๊กคนดังกล่าวบอกว่า ตอนนี้ตนมีคูปองบุฟเฟ่ต์ 2 ใบ จะขอเพิ่มได้ไหมอีก 2 ใบ แต่ทางร้านบอกว่าจะสอบถามเพิ่มเติมให้ จากนั้นทางแอดมินก็มาที่ร้าน 4 คน และมารอคูปองหน้าร้านเพิ่มเติมอีก 2 ใบ ซึ่งทางร้านยังไม่ให้เข้าไปในร้าน เพราะต้องรอคอนเฟิร์มคูปองก่อน
แต่ทางแอดมินเฟซบุ๊กก็เข้ามาแจ้งแก้ไข และบอกทำนองที่ว่า ตนมีคูปองแค่ 2 ใบ ตนต้องการคูปองเพิ่ม 2 ใบ แบบเฉพาะที่ทานได้ที่ร้าน Wisdom เนื่องจากมาจ่อที่หน้าร้านแล้ว 4 คน (แต่ไม่ได้ระบุว่า คูปองอีก 6 ใบที่เหลือหายไหน)
แอดมินขู่ต่าง ๆ นานา อวดอ้างเป็นแอดมินกลุ่มดัง รีวิวคือกินฟรีไม่เสียเงิน ไม่ให้กินฟรี งานนี้จะโดนแบนจากกลุ่ม
จากนั้นจึงตามมาด้วยการตำหนิร้าน ว่าไม่เคยเจอร้านไหนที่ยุ่งยากขนาดนี้ตั้งแต่รีวิวมา พร้อมกับคำขู่ว่า “ถ้าให้จ่ายผมก็ไม่รีวิวให้นะครับ เพราะมากินเสียเงิน เช็กดูแล้ว คุยกับทางร้าน และร้านคงไม่เข้าใจคำว่ารีวิว รีวิวคือ การมากินแล้วคนกินไม่เสียเงิน แล้วเราไปทำโฆษณาให้ บางร้านนี่คือนอกจากจะได้กินฟรีแล้วยังเสียเงินให้คนรีวิวอีก ไม่ประทับใจทั้งร้าน ไม่ประทับใจทั้งแอดมินเฟซบุ๊กร้าน แล้วให้คุณไปถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณไม่ให้คำตอบ กลุ่มขอแบนร้านนี้และห้ามกล่าวถึงนะครับ”
“ทางกลุ่มขอแบนร้านนะครับ ถ้าทางร้านอยากเสียสมาชิกเกือบ 1 ล้านคนในกลุ่ม กับมูลค่าที่หายไป ก็ตามใจครับ ในเมื่อแลกกับมูลค่าความรู้สึกที่เสียไป เข้าไปดูได้ไหมครับ ผมเป็นแอดมินมีอำนาจควบคุม”
ด้านร้านได้ตอบกลับมาอีกว่า คุณแนะนำตัวแค่ว่าเป็นแอดมิน ไม่ได้บอกว่าเป็นนักรีวิวมืออาชีพ หากอยากจะรีวิวแล้วให้ร้านเสียเงินให้ คุณต้องแนะนำผลงานต่าง ๆ ให้ร้านทราบก่อน คุณไม่ได้มีผลงานมานำเสนอ แต่จะมากินฟรีเลยโดยการอ้างเป็นแอดมิน ทางร้านจึงไม่สามารถทำให้ได้
ร้านยืนยัน จะมากินฟรีหรือเสียเงิน ก็รีวิวได้เสมอ แต่ใครจะได้กินฟรีไม่ฟรี อยู่ที่การตัดสินใจของร้าน
สุดท้าย ทางร้านได้ยืนยันว่า หากลูกค้ามากินและต้องการที่จะรีวิวสินค้าหรือบริการ สามารถทำได้เสมอ ตราบใดที่ไม่เป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่น และไม่รีวิวจนสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด 19 และทางร้านขอเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในการตัดสินใจชำระค่าสินค้าแทนผู้ใช้บริการ
แอดมินกลุ่มออกแถลงการณ์ขออภัย ยืนยันไม่มีนโยบายแบนร้านไหน ก่อนปิดกลุ่มเพราะโดนถล่ม
จากนั้น ทางแอดมินอีกคนของกลุ่ม ได้ออกแถลงการณ์และบอกว่า ทางกลุ่มต้องขออภัยทางร้านด้วย ในฐานะเจ้าของกลุ่ม หลังทราบเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และยืนยันว่าทางกลุ่มไม่ได้มีนโยบายแบนร้านใด ๆ หรือชักชวนให้สมาชิกแบนร้านหรือข่มขู่ร้าน ยกเว้นแต่เป็นความประสงค์ของร้านที่ไม่ต้องการให้รีวิว
กลุ่มนี้เกิดจากการที่แอดมินที่ชอบการกินบุฟเฟ่ต์ และต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ที่ผ่านมาทางร้านก็ได้รับคูปองกินฟรี ส่วนลดต่าง ๆ มาเป็นระยะ ๆ และบางร้านก็ไปกินเองบ้าง หากถูกใจก็เอามารีวิว และแอดมินก็ทำงานประจำ ไปรีวิวได้ไม่บ่อยเพราะไม่ใช่มืออาชีพ เวลาดูแลกลุ่มก็น้อยเพราะทำได้แค่ช่วงพักเที่ยงกับเย็น แต่เวลามีเคสที่มีปัญหา ก็จะพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อให้สถานการณ์ออกมาดีที่สุด
“อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในวันนี้ แอดมินจะจำเป็นบทเรียนและต้องขออภัยต่อทางร้าน Wisdom เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง แฟนเพจ wisdom และลูกเพจทุกท่านต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ ในฐานะเจ้าของกลุ่มจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกค่ะ”
ล่าสุดพบว่า ทางแอดมินได้ปิดกลุ่มไปแล้ว จากที่เป็นกลุ่มสาธารณะ ก็กลายมาเป็นกลุ่มไพรเวต
ร้านชี้แจง จริง ๆ ให้คูปองไปแล้ว 4 ใบ แต่พกคูปองมาแค่ 2 ใบ ไม่ได้มาขอเพิ่ม – ร้านขอโทษแล้วแต่ไม่รับคำขอโทษ
ต่อมา เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ติดต่อเจ้าของร้าน Wisdom ซึ่งคุณเบลล์ ผู้จัดการร้านได้แก้ไขเรื่องนี้ว่า ตอนแรก ทางกลุ่มได้ติดต่อของคูปองมา 4 ใบ เพื่อจะมารีวิวร้านให้ ทางร้านก็ให้คูปองไปทั้งสิ้น 4 ใบ มูลค่า 8,000 บาท
จากนั้น เจ้าของกลุ่มได้ติดต่อมาทางแอดมินของร้าน แจ้งว่าได้คูปองมาทั้งสิ้น 2 ใบ แต่ทีมงานมา 4 คน ทางร้านจึงขอตรวจสอบข้อมูลก่อน แต่ทางชายคนนี้กลับบอกว่าเป็นเจ้าของกลุ่มบุฟเฟ่ต์ และมีทีมงานมาแล้ว 4 คน แต่เอาคูปองมา 2 ใบ อีก 2 ใบอยู่กับอีกคนไม่สะดวกที่จะมา ทางร้านจึงบอกให้ชายคนนี้ออกเงินไปก่อน
ด้านร้านยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดในเรื่องการประสานงานของแอดมินร้าน ที่เข้าใจว่ามาขอคูปองเพิ่ม แต่จริง ๆ ไม่ใช่การขอเพิ่ม (แต่พกคูปองมาแค่ 2 ใบจาก 4 ใบ) อีกอย่างคนที่มาใส่ชุดทำงานมา ไม่มีอุปกรณ์ถ่ายทำใด ๆ มาด้วย พอทานเสร็จ ทางร้านก็ขอโทษในเรื่องการประสานงาน แต่ทางเจ้าของกลุ่มไม่รับคำขอโทษ และบอกว่าจะแบนร้านออกจากกลุ่ม จากนั้นก็จ่ายเงินส่วนที่เหลือ ทางร้านจึงต้องนำเรื่องนี้มาชี้แจง