เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 31 ส.ค. 2564 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยสรุปสาระสำคัญว่า พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 คนปัจจุบัน ได้พาประชาชนไทยกว่า 66 ล้านคน สร้างหนี้สาธารณะแผ่นดินเพิ่มกว่า 2 ล้านล้านบาท หนี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ค้ำอีก 1.25 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านล้านบาท ประเทศอยู่ในสภาวะหนี้สินล้นพ้น เมื่อนำทุนสำรองระหว่างประเทศหักด้วยหนี้จากตราสารหนี้ที่ขายทั้งหมด ยังติดลบอยู่ราว 1.4 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลยังปล่อยประชาชนผจญกับโรคระบาดแบบตามมีตามเกิด ให้รอวัคซีนโควิด-19 รอเยียวยา รอการตรวจเชื้อ รอเตียง รอออกซิเจน รอความตายอย่างทรมาน จนมีผู้เสียชีวิตคาบ้านและข้างถนน แม้กระทั่งเตาเผาก็ต้องรอ อีกทั้งก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยบอกว่าไตรมาส 3 คนไทยจะมีวัคซีนฉีดเต็มแขน แต่นายกรัฐมนตรีทำงานแบบ Work From Home 21 ก.ค. – 18 ส.ค. 2564 ก่อนจะระบุว่าเป็นสิ่งที่น่าทุเรศสิ้นดี ขณะที่พูดประโยคดังกล่าวจบ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงทันทีว่า เปิดใจกว้างในตรวจสอบนายกรัฐมนตรี แต่มีการใช้คำพูดไม่เหมาะกับคนเป็น ส.ส. แม้การอภิปรายจะใช้คำพูดรุนแรงได้ ไม่ใช่แค่ด้อยค่าวัคซีน แต่ด้อยค่า ส.ส. ด้วย อีกทั้งพูดวนเวียนซ้ำซาก จากนั้น นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมวินิจฉัยว่ายังอยู่ในประเด็น

จากนั้น นายมงคลกิตติ์ อภิปรายต่อไปว่า ประชาชนต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก วัคซีนคุณภาพมาช้า วัคซีนเกรด A รอรับบริจาคหรือต้องเสียเงินซื้อเอง ส่วนวัคซีนที่มาไวก็เป็นวัคซีนเกรด D คุณภาพต่ำ ก่อนจะอ้างไปถึงค่าคอมมิชชัน กว่าประชาชนจะได้ฉีดครบ 2 เข็ม ก็ราว เม.ย. 2565 ประมาณการผู้ติดเชื้อคงอยู่ที่ 5 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 7 หมื่นราย

ต่อมามีการประท้วงขึ้นอีกครั้ง หลังจาก นายมงคลกิตติ์พูดว่า “นายกฯ เป็นคนวิปริต ชอบใช้กองกำลังติดอาวุธ ตำรวจ ทหาร ปกป้องบ้านตนเอง” ทำให้ พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงนายมงคลกิตติ์ ว่า ใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพ ใส่ร้ายเสียดสีว่ามีการรับคอมมิชชันขอให้ถอนคำพูด โดยประธานวินิจฉัยว่า พูดได้เพราะอยู่ในญัตติ จากนั้น นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ประท้วงว่า เป็นการดูหมิ่นดูแคลนใส่ร้ายนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหาร เป็นผู้นำของประเทศ ถึงคำกล่าวว่า มีพฤติกรรมทุเรศ ในฐานะที่เป็น ส.ส. นั้นรับไม่ได้ และมีหลายประโยคมีกล่าวเสียดสีใส่ร้าย ทางด้านประธานระบุว่า ฟังตลอดและยังอยู่ในประเด็น เพียงแต่มีคำว่าทุเรศ จึงขอให้เปลี่ยนคำ ซึ่งนายมงคลกิติ์ ถอนคำพูดและเปลี่ยนเป็น “นายกฯ น่าบัดสีสิ้นดีจริงๆ” จึงเจอประท้วงอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “นายกฯ เป็นคนดี” ซึ่งดีในที่นี้หมายความว่าเกรด D

สิระ ซัดแรง เต้ มงคลกิตติ์ ! ประเด็น ท้าชกคาดเชือก ” นายกฯ ” ลั่น พ่อแม่อบรมสั่งสอนยังไง