เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและวินิจฉัยว่าการที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กเพื่อขอท้าชกกับนายกรัฐมนตรีและนักการเมืองในสภาฯคนอื่นๆด้วยนั้นส่อผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

เพราะพฤติการณ์และการแสดงออกดังกล่าวมิใช่ “วิสัยของ ส.ส.” ที่มีหน้าที่ทางฝ่าย “นิติบัญญัติ” ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หากแต่เป็นการพาลหาเรื่องเกะกะระรานประหนึ่งนักเลงโต อันเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมของการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนของประชาชน จนถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์การแสดงออกดังกล่าวอย่างมากมาย สร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นกับสถาบันนิติบัญญัติของชาติโดยชัดแจ้ง ซ้ำร้ายยังโพสต์ท้าทายนักการเมืองในสภาฯคนอื่นๆอีกว่าสามารถชกได้โดยต่อให้ 2 รุม 1 อีกด้วย

ทั้งนี้ หน้าที่หลักของฝ่ายนิติบัญญัติคือการผดุงไว้ซึ่งกฎหมายที่ดี ปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยหรือบกพร่อง และตรากฎหมายใหม่ๆ เพื่อคุ้มครองประชาชน ส่งเสริมความยุติธรรม โอกาสทางการแข่งขันที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ปกป้องประชาชนกลุ่มเปราะบาง สร้างโอกาสที่ดีในชีวิต และรวมถึงตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร แต่การมาท้าชกผู้นำประเทศผ่านสื่อสาธารณะเยี่ยงนี้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนผิดไปหรือไม่ ขนาดเป็น ส.ส.ยังมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ถ้ามีตำแหน่งใหญ่โตกว่านี้ มิยิ่งซ้ำร้ายกว่านี้หรืออย่างไร

การกระทำและการแสดงออกดังกล่าว น่าจะขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันถือได้ว่าเป็นการไม่ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง ส.ส. ที่สามารถชี้ให้เห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 6 ข้อ 12 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระร่วมกันกําหนดมาตรฐานทางจริยธรรมไว้ เพื่อใช้กำกับ ดูแล และลงโทษสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี มิให้ผู้ใดกระทำการหรือแสดงออกจนชาวบ้านตำหนิติเตียนได้

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าว เพื่อชี้มูลความผิด แล้วส่งเรื่องให้อัยการฟ้องต่อศาล เพื่อพิพากษาลงโทษให้หลาบจำและมิให้บุคคลที่มีพฤติการณ์เหล่านี้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นนักการเมืองได้อีกในอนาคต ตามครรลองของกฎหมายที่บัญญัติไว้ต่อไป