เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

พร้อมยินดีให้ตรวจสอบ ! ผอ.รพ. อ่างทอง ออกมาชี้แจง กรณีลูกชายมีรายชื่อ ” ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ” ซึ่งไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์

นายแพทย์ประภาส ลี้สุทธิพรชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง ออกมาชี้แจง หลังเกิดดราม่ามีผู้นำข้อมูลรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ในวันที่ 10 -11 สิงหาคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีชื่อของ ลูกชายผู้อำนวยการ ซึ่งไม่ได้เป็นบุคลากรทางการแพทย์ของทางโรงพยาบาลร่วมฉีดด้วย ในการบริหารการฉีดวัคซีนของทางโรงพยาบาล จะเป็นในรูปคณะกรรมการภายในโรงพยาบาล โดยมีรองผู้อำนวยการทุกฝ่ายร่วมกันพิจารณา ซึ่งตนไม่ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการ สำหรับรายชื่อที่มีผู้นำไปเผยแพร่ ทำให้เกิดดราม่าขึ้น ซึ่งตนยอมรับว่าได้มีการสำรวจบุคลากรในรอบแรกทุกที่ ที่ประสงค์รวมถึงคลินิกต่าง ๆ ที่สัมผัสเสี่ยงสูงกับคนไข้ แต่ไม่ได้จัดสรร ตนยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 ที่โรงพยาบาลอ่างทอง และไม่มีความประสงค์ที่จะให้มีรายชื่อฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในโรงพยาบาลอ่างทองด้วย ตนนั้นพร้อมที่จะเปิดเผยรายชื่อข้อมูลอย่างโปร่งใส สำหรับผู้ที่มีรายชื่อฉีดวัคซีน ซึ่งจะขอให้ทำการตรวจสอบได้ และขอยืนยันว่าการบริหารวัคซีนเป็นวัคซีนของบุคลากรด่านหน้าทุกคน ซึ่งสามารถสอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ว่าได้รับการจัดฉีดวัคซีนแล้วทุกคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นพ.กิตติ อิ่มใจ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ที่รับผิดชอบดูแลการฉีดวัคซีนของบุคลากรใน รพ. เปิดเผยว่า สำหรับข้อเท็จจริงที่ถูกนำไปเผยแพร่ เป็นข้อมูลที่นำเสนอว่าบุคลากรคนใดต้องการวัคซีนชนิดใด ซึ่งเป็นข้อมูลร้องขอที่จะต้องนำไปพิจารณาลำดับความสำคัญ ของบุคลากรในความเสี่ยงที่ทำงานด้านหน้า ซึ่งทางคณะกรรมการได้ขอให้แต่ละหน่วยงานส่งรายชื่อบุคลากรที่เป็นด่านหน้าที่มีความจำเป็นมา รวมถึงคลินิกต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน  สำหรับลูกชายท่านผู้อำนวยการที่มีชื่อปรากฏ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ทำงานอยู่ด่านหน้าเช่นกัน ก็ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เพราะได้รับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลต้นสังกัด ซึ่งทางโรงพยาบาลอ่างทอง ได้รับการจัดสรรโควต้าในการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 545 โดส จากยอดทั้งหมด 648 คน ซึ่งจัดสรรตามความสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอในการฉีด

นพ.กิตติ กล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าคณะกรรมการได้ทำการจัดลำดับความสำคัญของบุคลากรทางการแพทย์อย่างโปร่งใส แต่ต้องยอมรับว่าในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 3 อาจจะมีบุคลากรบางส่วนยังไม่ได้ลงชื่อหรือลงชื่อเป็นบางส่วนไม่ครบ ซึ่งทางคณะกรรมการไม่สามารถลงไปตรวจสอบรายละเอียดได้ทุกราย สำหรับตนเองไม่ตำหนิผู้ที่นำข้อมูลไปเผยแพร่ เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลชุดแรกที่ยังไม่ได้ทำการพิจารณา ซึ่งหลังจากการพิจารณาแล้วเป็นข้อมูลสุดท้ายที่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลอ่างทอง ที่มีความสำคัญเรียงลำดับมีความจำเป็นที่ต้องฉีดทั้งหมดต่อไป