เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 21 ก.ย. เป็นวันแรก ทางกระทรวงการคลัง กำหนดแจกจ่ายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แก่ผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ยกเว้นในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 1.3 ล้านคน จะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (แบบ Hybrid 2 Chips/บัตรแมงมุม) เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและค่าโดยสาร โดยมีกำหนดรับบัตรฯ ในวันที่ 17 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป และจะมีการชดเชยยกยอดแต่ละประเภทสวัสดิการที่คงเหลือจากการใช้จ่ายในเดือน ต.ค. 2560 ให้ใปใช้ต่อได้ในเดือน พ.ย. 2560

ทั้งนี้ การรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีสิทธิต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน และหลักฐานการลงทะเบียนฯ มาติดต่อรับได้ที่หน่วยงานที่ได้ลงทะเบียนไว้ หรือหากไม่สะดวกไปรับด้วยตัวเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปรับแทนได้ โดยผู้รับบัตรแทนต้องนำบัตรประชาชนฉบับจริงของตนไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยเอกสาร ดังนี้ 1. ใบมอบฉันทะระบุชื่อผู้มอบและผู้รับมอบ พร้อมลงนามทั้งผู้มอบและผู้รับมอบ 2. สำเนาบัตรประชาชน มีการลงนามรับรองสำเนา ทั้งของผู้มอบ และผู้รับมอบ

อย่างไรก็ตาม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กรณีเป็นผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่สามารถเดินทางได้ สามารถให้ผู้ดูแลเป็นผู้ใช้สิทธิแทนได้ตามเงื่อนไข หากมีการตรวจสอบพบว่าให้ผู้อื่นนำบัตรไปใช้ เจ้าของบัตรจะถูกตัดสิทธิในบัตร และผู้ที่นำบัตรผู้อื่นไปใช้ ต้องชดใช้เงินคืนแก่ทางราชการ

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มใช้ ตั้งแต่ 1 ต.ค.

ส่วนการใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2560 เป็นต้นไป เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์จากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นๆ ที่กระทรวงพาณิชย์ กำหนด สามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และเมื่อถึงวันที่ 1 ของทุกเดือน วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินแต่ละสวัสดิการเสมอ

สำหรับวงเงินคงเหลือของเดือนที่ผ่านมา จะไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป และไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกจากบัตรเป็นเงินสดได้ ยกเว้นวงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน วงเงินจะปรับเป็นค่าเริ่มต้นทุกวันที่ 1 ของทุก 3 เดือน ซึ่งค่าก๊าซหุงต้มส่วน ที่เกิน 45 บาท ผู้มีสิทธิต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง นอกจากนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยังได้รับ 1. ค่าโดยสารรถเมล์ (รถเมล์ที่มีระบบ e-Ticket) และรถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2. วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3. วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน

ในกรณีผู้ถือบัตรแจ้งอายัดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีวงเงินคงเหลือในส่วนของกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ให้ผู้ถือบัตรติดต่อ Call Center หลักของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย หมายเลขโทรศัพท์ 02-111 1111 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระงับการใช้วงเงิน หรือกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสูญหาย หรือชำรุดที่เกิดจาการใช้งานของผู้มีสิทธิ ผู้มีสิทธิสามารถดำเนินการขอเปลี่ยนบัตรใหม่ได้ที่สาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย โดยผู้มีสิทธิเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ที่มา – ไทยรัฐ