จับคนลักลอบเข้ารวม 4 คน จ่อเข้ากรุง
เมื่อกลางดึกของวันที่ 21 พ.ค.2564 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับปกครอง ตำรวจ และทหาร ออกตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าออกเมืองอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-
ลักลอบขน “ยาบ้า” เข้าอำเภอแม่อายตรวจเจอ กว่า 5 ล้านเม็ด – เร่งตามล่าคนขนยาที่วิ่งหนีหาย
- ลักลอบผ่านชายแดน สังขละบุรี แรงงานพม่าเข้าไทย รับเสียค่าหัวผ่านด่าน เข้าไทยสูงถึง 18,000 ต่อหัว หวังทำงานกรุงเทพ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบคนไทย 4 คน เดินอยู่บนถนนทางขึ้นวัดถ้ำผาจม ม.1 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ติดชายแดนไทย-เมียนมา อย่างมีพิรุธ จึงเข้าตรวจสอบพบชื่อ น.ส.ทาลิธา เรือนงาม อายุ 47 ปี, น.ส.กนกพร สิทธิยอดปรีชา อายุ 35 ปี, นายนัทที บุญนาวา อายุ 35 ปี และ นายสมใจ สัมพันแพร อายุ 31 ปีเมื่อ
จากการสอบถามทั้ง 4 คน ก็สารภาพว่า เพิ่งเดินทางมาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ด้วยการเดินข้ามลำน้ำสายในฝั่งเมียนมามาแล้วเดินไปตามแนวสันเขาเข้าสู่ประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้ได้ลักลอบข้ามไปฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อหางานทำและเยี่ยมญาติ และเมื่อจะเดินทางกลับได้เสียค่าจ้างให้คนนำพาหัวละ 10,000-13,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ ข้อหาว่าเป็นบุคคลซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลาฯ
ข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดารบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่ง จ.เชียงรายที่ 1380/2563ฯ จากนั้นควบคุมตัวดำเนินคดีและกักตัวเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามกฎหมาย)
และในวันเดียวกันขณะที่เจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจบริเวณท่าข้ามหลังวัดถ้ำผาจมใกล้เคียงกับจุดเดิม ก็ตรวจพบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 1 คน ท่าทางมีพิรุธ จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่ใช่คนไทย ทราบต่อมาว่า เป็นชาวสัญชาติอินเดีย ชื่อนายซออะแว อู อายุ 29 ปี เมื่อสอบถามก็ทราบว่าได้ลักลอบเข้ามาประเทศไทยด้วยการข้ามลำน้ำสายมาเช่นกัน วัตถุประสงค์เพื่อจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่จึงได้ผลักดันเพื่อกลับไปยังประเทศเมียนมาต่อไป และก็ยังคงเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเคร่งครัดต่อไป