เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 17 ก.พ. พ.ต.ท.บุญสม ใบละมุด สารวัตรสอบสวน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งจากหญิงสาวรายหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อการล่อลวงของพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมลงนะหน้าทองและขอมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว ที่บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง โดยหญิงสาวได้มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพระสงฆ์รูปนี้ประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับพระธรรมคำสอนของศาสนา มีพฤติกรรมอวดอ้างอุตริมนุสธรรม รวมถึงได้ชักชวนตนเองให้ทำพิธีลงนะหน้าทอง เพื่อการค้าจะได้เจริญรุ่งเรือง หากไม่ทำก็จะมีอันเป็นไป

ทางหญิงสาวหวั่นเป็นเหยื่อจึงเข้ามาแจ้งตำรวจพร้อมด้วยทำการวางแผนเพื่อจับพระสงฆ์นอกรีตให้ได้คาหนังคาเขา ทำทีเป็นหลงเชื่อทำตามพระสงฆ์นอกรีตบอกมาทางโทรศัพท์และนัดหมาย โดยอ้างว่าพิธีการดังกล่าวจะต้องมีเพศสัมพันธ์กัน 5 ครั้งถึงจะสำเร็จ โดยคำพูดที่ใช้ทางไลน์และทางโทรศัพท์ก็ดูไม่เหมาะสมเหมือนกับพระสงฆ์ทั่วไป ซึ่งพระสงฆ์รูปนี้ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่ออยู่หลายวัน รวมทั้งส่งข้อความทางไลน์ให้มาทำพิธีลงนะหน้าทอง เพื่อความเป็นสิริมงคลและค้าขายเจริญรุ่งเรือง

นอกจากนี้ยังได้ให้หญิงสาวรายนี้ถ่ายรูปของสงวนส่งให้ดูอีกด้วย ซึ่งพระรูปดังกล่าวได้นัดหมายให้หญิงสาวให้มาทำพิธีลงนะหน้าทองที่บริเวณโรงแรมดังดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนเพื่อทำการจับกุมให้ได้โดยละม่อม

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ได้ทำการซุ่มโป่ง ซึ่งพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้ทำการนัดหญิงสาวที่เป็นเหยื่อให้มารับที่บริเวณทางเข้าโรงแรม จากนั้นได้เปลี่ยนจีวรเอาใส่กระเป๋าที่เตรียมมาและซ้อนรถจักรยานยนต์หญิงสาวเข้าไปในโรงแรมเพื่อทำพิธี ซึ่งมีเจ้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเฝ้าดูอยู่ห่างๆ เมื่อเข้าไปได้ประมาณ 20 นาที หญิงสาวที่เป็นเหยื่อได้ส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมกับเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่เข้าไปห้องของโรงแรม

พบชายศีรษะโล้น สักยันต์ตามร่างกาย นุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว เมื่อตรวจค้นกระเป๋าพบจีวร เครื่องรางของขลัง บทคาถาสวดมนต์ อุปกรณ์ทำพิธีลงนะหน้าทอง ยาไวอากร้าที่ถูกกินไปแล้ว 2 เม็ด เสื้อยืดสีดำ กางเกงขาวยาวสีดำ และหมวกที่เตรียมมาเปลี่ยนเพื่อตบตา ค้นใบสุทธิ ทราบชื่อต่อมา พระอัมตระวงษ์ แตงเกษม อายุ 52 ปี ซึ่งยอมรับว่าตนเองเป็นพระที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี แต่ได้ธุดงค์มาขออาศัยวัดในจังหวัดอ่างทองเพื่อปฏิบัติธรรม

ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำการสอบถามและตรวจค้นสิ่งของอยู่นั้น ทางพระอัมตระวงษ์ ได้ขอร้องทางเจ้าหน้าที่ โดยพูดว่าตนเองถูกหลอกมา และจะไม่ทำอีกแล้วให้ปล่อยตัวกลับวัด ขออย่าได้ถ่ายภาพ เนื่องจากกลัวครอบครัวและลูกเห็นข่าวแล้วจะทำให้เสื่อมเสีย ซึ่งตนเองต้องมีหน้าที่รับดูแลครอบครัว และจะขอกลับไปเป็นพระสงฆ์เหมือนเดิม โดยอ้างว่าถูกหลอก ซึ่งขัดแย้งกับความเป็นจริง เนื่องจากในย่าม เจ้าหน้าที่ตรวจพบยาไวอากร้า

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ได้นำตัวพระอัมตระวงษ์ แตงเกษม เดินทางไปที่วัดอ่างทองวรวิหาร เพื่อให้พระครูสุทธิกิจจาทร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดอ่างทองวรวิหาร ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง และทำการสึกจากสมณเพศ พร้อมกับควบคุมตัวไปที่ สภ.เมืองอ่างทอง ส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.มานิตย์ นาคไพบูลย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ทำการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

ที่มา – ไทยรัฐ