จากกรณีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นำกำลังจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน ขณะตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเก้ง พร้อมปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง พร้อมตั้งข้อหาดำเนินคดี 9 ข้อหาด้วยกัน และออกหมายเรียก นายนพดล พฤกษะวัน ที่ปรึกษาบริษัท อิตาเลียนไทยฯ อดีตข้าราชการกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้ประสานงานให้นายเปรมชัยกับพวกเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ให้มาพบพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นั้น
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายวิเชียร พร้อมเจ้าหน้าที่อีก 4 นาย เดินทางไปยัง สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยนายวิเชียร เปิดเผยว่าได้นำเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า 4 นายมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ในส่วนของตนก็ปฏิบัติหน้าที่ปกติดังเดิม เจ้าหน้าที่ทุกคนมีขวัญกำลังใจดีเยี่ยม ต้องขอขอบพระคุณผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นและประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนกว่า 200 ชีวิตจะปกป้องผืนป่าแห่งนี้อย่างสุดความสามารถ ขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงก็ส่งกำลังทหาร ฉก.ลาดหญ้า ร.29 พล.ร.9 มาสนับสนุนร่วมภารกิจในการปกป้องผืนป่า และสัตว์ป่า ตนและเจ้าหน้าที่ทุกคนมีขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยมในการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ
พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 พร้อมด้วยตน และ พ.ต.อ.พูนศักดิ์ ประเสริฐเมธ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลคดีนี้จะเดินทางไปที่ สภ.ทองผาภูมิ เพื่อประชุมดูผลความคืบหน้าคดีว่าสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วมากน้อยเพียงไร
ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. กล่าวว่า ขั้นตอนคดีนี้อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อเท็จจริง ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นายนพดลมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังคงไม่สามารถติดต่อได้ หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่วนรายละเอียดคดีนายเปรมชัยเรื่องการล่าสัตว์หรือยิงสัตว์เป็นอย่างไรทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 จะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ โดยทางบก.ปทส.จะช่วยสนับสนุนทำคดีในส่วนของการขออนุญาตเข้าพื้นที่เขตอุทยาน
มีรายงานแจ้งว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าว นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้สั่งกำชับให้ทุกอุทยานฯ ที่มีพื้นที่ติดต่อกับทุ่งใหญ่เข้มงวดกวดขันในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อป้องกันการบุกรุกป่าและล่าสัตว์ป่า เนื่องจากพื้นที่ทุ่งใหญ่ฯ เป็นมรดกโลก มีอาณาเขตติดต่อกับอุทยานฯ ต่างๆ เป็นลักษณะผืนป่าตะวันตกผืนใหญ่
ขณะเดียวกัน ป่าทุ่งใหญ่ฯ เป็นยังเป็นที่นิยมของกลุ่มออฟโรดที่มักรวมกลุ่มกันนำรถยนต์เข้าไปทดสอบสมรรถนะในเส้นทางที่ยากลำบากในป่า โดยบางกลุ่มก็มีการขออนุญาตเข้าพื้นที่อย่างถูกต้อง ซึ่งส่วนมากจะนำสิ่งของไปมอบให้แก่ชุมชนที่อยู่ในป่าหรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ ขณะที่บางกลุ่มก็ประสานผ่านผู้นำชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ให้หาเส้นทางเข้าป่าให้ โดยไม่ต้องผ่านจุดเข้าออกของเขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่ฯ ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ซึ่งบางครั้งกลุ่มเหล่านี้อาจมีการเข้ามาล่าสัตว์ในพื้นที่ด้วย
ขณะที่ นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะอดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี กล่าวถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นมรดกโลกแห่งแรกของประเทศไทย ในการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโกนั้น มีเกณฑ์ประเมินอยู่ 10 ข้อด้วยกัน ซึ่งแหล่งมรดกโลกนั้นต้องผ่านเกณฑ์ประเมินข้อใดข้อหนึ่ง เช่น มรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ผ่านเพียงข้อเดียวคือความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ที่ผืนป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ผ่านเกณฑ์ประเมินถึง 3 ข้อ คือ เรื่องของพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในเชิงกายภาพ เรียกว่าเป็นสี่แยกของสิ่งมีชีวิต 2.ในเรื่องของความสวยงามระดับโลก เทียบเท่าน้ำตกไนแองการาจึงจะขึ้นทะเบียนได้ ซึ่งของเรามีความสวยงามทั้ง 4 ล้านไร่ และ 3.ในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ พื้นที่นี้มีชนิดพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ตามบัญชีขององค์กรนานาชาติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (ไอยูซีเอ็น) ถึง 28 ชนิด เช่น วัวแดง เสือโคร่ง ช้างป่า สมเสร็จ เก้งหม้อ เป็นต้น ถือว่าความหลากหลายสูงมาก เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นบ้านของสัตว์ป่า และมีป่าไม้ครบทุกประเภทเว้นแต่ป่าชายเลนเท่านั้น
ทั้งนี้ พื้นที่ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีความหลากหลายทั้งชนิดพันธุ์พืชและชนิดพันธุ์สัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลเสือที่อยู่สูงสุดของห่วงโซ่อาหาร พบทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทย ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญเพราะมีสัตว์ผู้ล่าจำนวนมาก สัตว์ที่เป็นเหยื่อหรืออาหารก็ต้องมีมากตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาการล่าสัตว์ในพื้นที่ เป็นปัญหาที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงเนื่องจากผู้ที่ต้องการป่าต้องการสัตว์ก็ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มันมี พื้นที่ป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งมีพร้อมสรรพ ใครอยากได้ก็ต้องวิ่งเข้าหาพื้นที่เหล่านี้และเป็นเป้าหมายหลัก ข้อมูลที่ผ่านมาในช่วงหลายสิบปีพบว่าการล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ยังคงมีอยู่ แต่จำนวนลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงสิบปีหลังเป็นช่วงเวลาที่เราจัดการในเรื่องเทคนิคการลาดตระเวนและงานวิจัยที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้เราจัดการคุ้มครองพื้นที่ได้มากขึ้น แต่ถ้าถามว่าปัญหาหมดไปหรือไม่ มันไม่เคยหมด และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ รอเวลาว่าอย่าเผลอ เช่น การล่าเสือโคร่ง หรือช้าง ก็จะเกิดขึ้น เพราะความเชื่อในเรื่องการบริโภคเสือหรือสัตว์ป่ายังมีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นขบวนการข้ามชาติ แต่ปลายทางในไทยก็อาจมีบ้าง
สาเหตุหลักๆ ที่สัตว์ป่าถูกล่า คือ 1.เป็นเรื่องของค่านิยม ต้องการหนังหรือเขาไปประดับบ้าน ปูพื้น เป็นต้น 2.ความเชื่อในเรื่องการเป็นยารักษาโรค ยาสมุนไพร ยาอายุวัฒนะ ที่ในบ้านเราไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันชัดเจน 3.ความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ของขลัง 4.การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย เพราะป่าหายซึ่งเป็นปัญหาหนักมากของประเทศไทยที่หลายคนมองข้าม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สัตว์ป่าที่เป็นเป้าหมายของการล่าข้ามชาติมีอะไรบ้าง นายสมโภชน์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ตระกูลเสือ เช่น เสือโคร่ง ตามมาด้วย งาช้าง และตัวนิ่ม ในส่วนของคนไทยเองความนิยมเหล่านี้เริ่มลดลงจากเดิมที่เคยเชื่อในเรื่องอำนาจและบารมี เพราะกระแสสังคมจนทำให้คนเหล่านี้ไม่กล้าแสดงตัว
อย่างไรก็ตาม กรณีการเข้าไปล่าสัตว์ของกลุ่มนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทยฯ นั้น เรายังสืบสวนไม่ชัดว่าเขาตั้งใจเข้ามายิงหรือเจอตัวอะไรก็ยิง ซึ่งเคยเกิดกรณีล่าเสือดำในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่และห้วยขาแข้งเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่จากสายข่าวของเราเสือดำไม่ใช่ออเดอร์หรือมีใบสั่งมาเหมือนเสือโคร่ง จึงน่าจะเป็นการที่เข้ามาเจออะไรก็ยิง ทั้งนี้สำหรับประชากรเสือดำคาดว่ามีมากกว่าเสือโคร่งที่มีประมาณ 150-180 ตัว และเราห่วงใยทุกสายพันธุ์ ไม่อยากให้มีการล่าเกิดขึ้น
วันเดียวกัน ที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูสีฐาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จ.มุกดาหาร นายคมกฤต สามเพชรเจริญ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน จ.มุกดาหาร ได้นำผู้สื่อข่าวดูของกลางไม้พะยูง เลื่อยโซ่ยนต์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์และอาวุธปืนรวมของกลางเป็นจำนวนมาก ที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ จับกุมดำเนินคดีเมื่อครั้งรับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน
นายคมกฤต กล่าวว่า นายวิเชียรมารับตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน เมื่อปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงที่ขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติลักลอบเข้าพื้นที่ภูสีฐานตัดไม้แปรรูปส่งนายทุนส่งขายประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจจับแก๊งมอดไม้ฮึกเหิมใช้อาวุธต่อสู้เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องหามส่งโรงพยาบาลช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบออกลาดตระเวนก็ถูกแก๊งมอดไม้ใช้อาวุธปืนยิงตายอีกหนึ่งนาย โดยนายวิเชียรส่งสายข่าวลงพื้นที่หาเบาะแสในเชิงลึกจนมีการจับกุมไม้พะยูงอย่างต่อเนื่อง ได้พบกลุ่มผู้กระทำผิดมีทั้งผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมืองท้องถิ่น ลักลอบค้าไม้และลักลอบล่าสัตว์ป่า หลายรายถูกดำเนินคดีถึงที่สุด
ทั้งนี้ ระหว่างที่นายวิเชียรมารับหน้าที่หัวหน้ารักษาป่าไม้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ระหว่างปี 2555-2558 มีคดีไม้พะยูง 551 คดี คดีล่าสัตว์ป่า 62 คดี และยึดของกลาง รถยนต์ 130 คัน รถจักรยานยนต์ 175 คัน อาวุธปืน 58 กระบอก และดำเนินคดีผู้ให้สินบนรวมถึงการทวงคืนผืนป่าและคดีอื่นๆ รวม 756 คดี โดยของกลางทั้งหมดยังเก็บรักษาอยู่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน จนได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่อุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐานทุกนายขอส่งกำลังใจให้นายวิเชียรได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่
ด้านชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้อุทยานแห่งชาติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน เล่าว่า หัวหน้าวิเชียรเป็นเจ้าหน้าที่ที่ชาวบ้านรักและนับถือเพราะเข้าถึงมวลชน ทำให้ชาวบ้านและบุตรหลานต่างเห็นความสำคัญของป่าไม้ มีความรักป่าและสัตว์ป่า หลังโยกย้ายไปทำงานที่อื่นทุกคนยังคงคิดถึง
ที่มา – คมชัดลึก