เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 3 พ.ค.2564 นางพรพรรณ สัตย์รัมย์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านนาใหม่ ต.หัวถนน อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ประกอบอาชีพขายของชำ ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากไปค้ำประกันรถยนต์ มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาทให้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วถูกบริษัทฟ้องร้อง

ล่าสุด นางพรพรรณ เปิดเผยว่า ได้รับหมายจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง จะยึดที่ดินและบ้านที่อยู่อาศัยกับครอบครัวในปัจจุบัน เพราะเพื่อนคนที่ซื้อรถคันดังกล่าวยังค้างเงินส่วนต่างกับทางบริษัทอยู่กว่า 5 หมื่นบาท แล้วก็ไม่รับผิดชอบหนีหายไป ทำให้ตนเองตกเป็นจำเลยที่ 2 ในฐานะคนค้ำประกัน และถูกฟ้องยึดทรัพย์แทน

นางพรพรรณ เล่าว่า เมื่อก่อนตนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ จ.ชลบุรี จึงรู้จักสนิทสนมกับ น.ส.สุกัญญา อายุ 36 ปี ซึ่งทำงานที่ชลบุรีเหมือนกัน รู้จักกันประมาณ 10 ปี มีอะไรก็จะพึ่งพาอาศัยกันตลอด แต่เมื่อประมาณ 5 ปีก่อนตนกลับมาทำงานที่อ.นางรอง น.ส.สุกัญญา เพื่อนคนดังกล่าวก็โทรศัพท์มาขอให้ตนไปช่วยค้ำประกันรถให้

นางพรพรรณ เล่าต่อว่า ด้วยความที่คิดว่าเป็นเพื่อนสนิทไว้ใจกันและตอนนั้นก็ดูเพื่อนมีการงานทำที่มั่นคงค่อนข้างฐานะดี และเพื่อนก็ยังรับปากว่าจะไม่ทำให้เดือดร้อนแน่นอน จึงได้ตอบตกลง จากนั้นเพื่อนก็ขับรถมารับตนเองที่ อ.นางรอง เพื่อไปค้ำประกันซื้อรถยนต์เอนกประสงค์มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาทที่จ.ชลบุรี พอเสร็จเรียบร้อยเพื่อนก็กลับมาส่งที่ อ.นางรอง แต่จู่ๆ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2563 ก็มีหมายศาลจังหวัดสีคิ้ว ส่งมาที่บ้านว่าตนเองตกเป็นจำเลยที่ 2

กรณีที่ค้ำประกันซื้อรถให้กับเพื่อนและถูกบริษัทฟ้องร้อง พอติดต่อสอบถามไปยังเพื่อนก็บอกว่าได้คืนรถให้กับบริษัทไปแล้ว แต่ถูกทางบริษัทเรียกเงินส่วนต่างเพิ่มอีกประมาณ 5 หมื่นบาท แต่เพื่อนก็รับปากว่าไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวจะหาเงินไปจ่ายเอง ก็ด้วยความเชื่อใจเพื่อนอีกจึงไม่ได้ไปติดต่อสอบถามหรือเดินเรื่องอะไรด้วยตัวเอง

นางพรพรรณ เล่าต่ออีกว่า กระทั่งล่าสุดวันที่ 18 ม.ค. 2564 ตนได้รับหมายจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ สาขานางรอง โดยในหมายระบุว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างหรือบ้านที่ตนอาศัยอยู่กับครอบครัวในปัจจุบันหากไม่ไปติดต่อภายใน 15 วัน หรือชำระหนี้ที่ยังค้างอยู่จะทำการยึดขายทอดตลาด ก็ตกใจมาก เพราะบ้านหลังดังกล่าวตนสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากที่ไปทำงานแล้วส่งเงินมาให้พ่อแม่ที่บ้าน

แถมยังมีภาระเลี้ยงลูกอีก 3 คน ส่วนแม่ก็ป่วยเป็นเนื้องอกที่ปากเพิ่งจะผ่าตัดและต้องรักษาต่อเนื่อง ส่วนพ่อก็พิการทางสมองมีอาการหลงๆ ลืมๆ แต่ทุกวันนี้มีรายได้เพียงจากการขายของชำวันละ 100 -200 บาทเท่านั้น เพราะไม่สามารถไปทำงานต่างจังหวัด หรือหารายได้เสริมจากการทำบางศรีได้เหมือนเดิม

ที่ผ่านมาตนพยายามติดต่อเพื่อนที่ตนไปค้ำประกันรถให้ ก็ติดต่อไม่ได้ปิดมือถือบล็อกเฟซบุ๊กหนี ตนก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงได้ติดต่อไปทางบริษัทเพื่อขอผ่อนชำระเงินที่เพื่อนค้างกว่า 5 หมื่น เพราะไม่อยากถูกยึดที่ดินและบ้าน ซึ่งทางบริษัทก็ให้โอกาสผ่อนชำระไม่เกินเดือน มิ.ย.2564 นี้ หากหาเงินมาชำระให้ไม่ครบตามกำหนด ก็จะถูกยึดบ้านขายทอดตลอด

ตนก็ไม่รู้จะพาลูกทั้ง 3 คน แม่ที่กำลังป่วย และพ่อพิการไปอยู่ที่ไหน ก็อยากฝากถึง น.ส.สุกัญญา เพื่อนที่ตนเองไปค้ำรถให้หากยังมีสำนึกและสงสารตนกับครอบครัว ให้มารับผิดชอบชำระเงินที่ค้างอยู่ด้วย เพราะตอนนี้ทุกข์ใจมากหากเพื่อนไม่ติดต่อมาไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายทั้งที่ไม่ใช่ภาระของตนเองด้วยซ้ำ แต่หากผู้รู้กฎหมายหรือใครที่สงสารจะแนะนำหาทางออกให้ ก็จะขอบคุณมากเพราะตอนนี้ไร้หนทางจริงๆ ยิ่งช่วงโควิดแบบนี้หากินก็ลำบากอยู่แล้ว

อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

หนุ่มโรงงานเครียดจัด รมควันฆ่าตัวตายคารถ คาดโดนโกงเงิน

“หนุ่ม” หิวโซโดนโกงค่าแรง เดินขอข้าวกินถูกปฏิเสธทุกร้าน จนมาเจอร้านป้า