เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล ว่า มองว่าล้มเหลวและไม่ว่าเราจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ได้ เราก็จะผ่านปัญหานี้ช้ากว่าประเทศอื่น

ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เผชิญปัญหาโควิดร้ายแรงกว่า แต่สิ่งที่เห็นในปัจจุบันนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ สั่งถอดหน้ากากอนามัยออกแล้ว แต่เรากลับเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากและโทษประชาชนที่หย่อนยานต่อมาตรการของรัฐบาล

ทำให้เราไม่สามารถเปิดประเทศทันกับประเทศอื่นๆ ได้ จุดนี้น่าเสียดาย เราพลาดรถไฟขบวนสุดท้ายที่จะได้เปิดประเทศและสามารถใช้ชีวิตปกติกว่านี้ได้ ถือว่าล้มเหลวเลยเส้นที่ควรจะให้โอกาสกับพล.อ.ประยุทธ์

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตอนที่เราอยู่ในสถานการณ์ปกติเห็นประเทศต่างๆกำลังแย่ ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนั้นวางรากฐานให้ดี สะท้อนถึงความล้มเหลวของโครงสร้างประเทศที่มาจากรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวกันเพราะเรามาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีบางท่าน บางพรรคการเมือง เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด แสดงให้เห็นว่าหย่อนยาน

“ต่างประเทศเขาลาออกแล้ว ประเทศนี้ไล่ออกไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นเรื่องโควตาพรรคการเมือง หากไล่รัฐมนตรีคนนี้ออกแล้วส.ส.กลุ่มนี้จะไม่สนับสนุนรัฐบาล เมื่ออยู่ในสภาพโครงสร้างทางการเมืองแบบนี้ ประเทศเราไม่สามารถออกแบบอะไรได้หรือป้องกันอะไรได้เลย”

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนลังเลใจว่าระหว่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แต่ตอนนี้เราต้องยอมรับความจริงว่าการแก้รัฐธรรมนูญแบบที่เราพยายามทำกันก่อนหน้านี้ หวังว่าจะเป็นทางออก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอม ดังนั้น ข้อเสนอคือถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ลาออก อย่างน้อยที่สุดจะทำให้คนรู้สึกมีความหวัง แม้องค์ประกอบหลายอย่างจะยังแย่อยู่ก็ตาม แต่เมื่อเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลก็อาจจะมีทางแก้วิกฤตก็ได้ เมื่อเปลี่ยนนายกฯแล้วก็ต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนจริงๆ เมื่อเราสร้างกติกาที่เป็นธรรมได้ ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกตั้งใหม่ และการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ ทุกฝ่ายก็จะยอมรับมากขึ้น

อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม

เริ่มแล้วลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด ผ่านไลน์”หมอพร้อมV2.” (พร้อมขั้นตอนการลงทะเบียน)

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับเอกชน เปิดหน่วยให้บริการ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมด 14 จุด