เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ที่จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่าง “ลุงจรูญ” ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ และ “ครูปรีชา” นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ต่างฝ่ายต่างแสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 โอนสำนวนคดีการสอบสวนมายังกองบังคับการปราบปราม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสามารถตอบคำถามของสังคมได้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 7 ก.พ. มีรายงานว่า การสรุปสำนวนการสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้นำรายละเอียดการสืบสวนสอบสวนของกองปราบฯ ไปรวมในสำนวนด้วย โดยเฉพาะประเด็นการแกะรอยทางเทคโนโลยีที่ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พร้อมทีมงานประสานการสืบสวนร่วมกับ พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว ผกก.กลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท. ได้ร่วมกันสืบสวนไว้ ดังนั้นการสรุปสำนวนครั้งนี้ชุดสืบสวนสอบสวนของกองปราบฯ จะนำรายละเอียดทั้งสองส่วน คือ ทั้งของ บช.ภ.7 ที่ปรากฏพยานบุคคลรายใหม่ และของกองปราบปรามมารวมกันและหาข้อเท็จจริงอีกครั้งว่าคดีนี้ใครเป็นเจ้าของสลากที่แท้จริง

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในส่วนของหลักฐานสำคัญที่ชุดสืบสวนกองปราบฯ แกะรอยมาได้นั้น เป็นคลิปเสียงการสนทนากันระหว่าง นางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ อายุ 58 ปี แม่ค้าขายสลากฯ ที่ถูกรางวัลโทรไปหานายปรีชา รวม 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 1 พ.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันและเวลาหลังทราบผลสลากในงวดดังกล่าว โดยในคลิปเสียงใจความสำคัญคือ นางรัตนาภรณ์ ได้โทรบอก นายปรีชา ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงว่าถูกรางวัลที่ 1 เพราะจำได้ว่าบนแผงของตัวเองมีเลขรางวัลดังกล่าวอยู่และนายปรีชาน่าจะเป็นคนซื้อไป แต่เมื่อรับโทรศัพท์นายปรีชาก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่เลขที่ตนซื้อ ตนซื้ออีกหมายเลขหนึ่งซึ่งในคลิปเสียงนายปรีชาได้ระบุหมายเลขของตนอย่างชัดเจน

ส่วนในคลิปเสียงที่ 2 เป็นคลิปเสียงที่ นางรัตนาภรณ์ แม่ค้าสลากฯ คนเดิม โทรหานายปรีชาอีกครั้งเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 2 พ.ย. 2560 ในลักษณะเดียวกันซึ่งใจความสำคัญคือ เป็นการย้ำว่านายปรีชาได้ถูกสลากดังกล่าว แต่นายปรีชาก็ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกรางวัลเช่นเดียวกับครั้งแรก อย่างไรก็ตาม นางรัตนาภรณ์ก็พยายามย้ำลักษณะยัดเยียดว่า นายปรีชาเป็นคนถูกรางวัล แต่นายปรีชาก็ได้ปฏิเสธมาตลอดพร้อมกับย้ำหมายเลขที่ตนเองเป็นคนซื้อมาด้วย ทั้งนี้ทั้งสองคลิปตำรวจกองปราบฯ จะนำเข้าสำนวนการสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ชุดสืบสวน กก. 5 บก.ป. ได้เริ่มตรวจสอบคำให้การของพยานในคดีที่เป็นพยานใหม่ในสำนวนที่ตำรวจภูธรภาค 7 รวบรวมไว้ โดยพยานดังกล่าวระบุว่า เห็นสลากหมายเลขดังกล่าวโผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของนายปรีชา ขณะเดินสวนกันในตลาดเรดซิตี้ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ใกล้แผงลอตเตอรี่และยังได้ขอแบ่งซื้อสลากดังกล่าว แต่นายปรีชาไม่ได้ยอมแบ่งขายให้นั้น ซึ่งพยานในส่วนนี้เป็นพยานสำคัญที่ทำให้ตำรวจภูธรภาค 7 ให้น้ำหนักจนนำไปสู่การสรุปว่า นายปรีชา เป็นเจ้าของสลากที่แท้จริง แต่จากการตรวจสอบทางเทคนิคร่วมกับ บก.ปอท. ชุดสืบสวนกองปราบฯ กลับพบว่าพยานคนดังกล่าวขับรถมาจอดที่ตลาดในเวลาประมาณ 16.48 น. ของวันที่ 1 พ.ย. 2560 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากที่นายปรีชาออกจากบริเวณตลาดไปแล้ว โดยปรากฏตามหลักฐานที่นายปรีชาคุยโทรศัพท์กับนางรัตนาภรณ์ แม่ค้าขายสลากฯ อย่างชัดเจน นอกจากนี้ นายปรีชายังให้การด้วยว่าหลังจากรู้ว่าถูกรางวัลที่ 1 ยังได้โทรศัพท์ไปหา นางรัตนาภรณ์ด้วย แต่จากการตรวจสอบทางเทคโนโลยีกลับไม่พบว่านายปรีชาโทรหานางรัตนาภรณ์ในช่วงดังกล่าวแต่อย่างใด

ที่มา – เดลินิวส์