เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 13.00 น. ที่ สภ.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ร.ต.อ.คำนวน ปฏิแพทย์พง ส.สภ.ปากตะโก รับแจ้งจาก นางอำพร ทันเปีย อายุ 21 ปี เลขที่ 372 หมู่ที่ 1 ต.ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร มารดาของทารกชายที่เกิดมาเพียง 2 วัน แล้วมีอาการผิดปกติคือ ตาหลุดออกมาจากเบ้า ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้แก่คนทั้งประเทศ จึงได้มีการระดมเงินบริจาคเงินเพื่อนำมารักษาอาการของทารกชายคนดังกล่าว เป็นเงินจำนวนมากถึง 5,600,000 บาท และได้มีการประกาศหยุดรับบริจาคในเวลาต่อมา
- เพื่อนบ้านเล่าอีกมุม รู้แล้วเก๋งลึกลับ พาตาขายโจ๊กไปไหน พบยอดบริจาคพุ่ง 4ล้าน
- ลูกสาวคุณตาซาเล้ง ฉกเงินช่วยเหลือไป แถมยังทิ้งแม่ที่แก่ไม่มาดูแลอีก
- สุดรันทด!! เงินบริจาคเกือบ6แสน หมดใน3เดือน ถูกลูกสาวไล่กลับมาอยู่ห้องเช่าเหมือนเดิม
หากแต่ ในขณะที่กำลังจะนำตัวเด็กชายไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร นั้น นางอำพร แม่ของเด็ก เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวเน็ตที่ติดตามอาการของลูกชาย ซึ่งแจ้งผ่านคอมเมนต์ในเฟสบุ๊กว่า ตอนนี้มีบุคคลแอบอ้างเปิดเฟสบุ๊กเพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือลูกชายของนางอำพรที่ป่วย โดยใช้รูปคนที่แต่งกายคล้ายพยาบาลมาแอบอ้าง พร้อมโพสต์ข้อความเชิญชวนให้บริจาคเพื่อนำไปช่วยเด็กชาย แต่ให้โอนไปที่บัญชีของเจ้าของเฟสบุ๊กอีกชื่อหนึ่ง และมีคนหลงเชื่อโอนเงินเข้าไปในบัญชีดังกล่าวจำนวนมากแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการหลอกลวงประชาชนและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ครอบครัวของนางอำพรมาก เพราะได้ประกาศหยุดรับบริจาคไปหลายวันแล้ว
นางอำพร ได้นำภาพเฟสบุ๊กบุคคลที่ใช้ชื่อว่า ‘น้องเมย์ พิมพ์ชนก’ ในชุดพยาบาล ซึ่งอ้างว่ามีประวัติการรับบริจาคเพื่อช่วยคนตกทุกข์ได้ยากมาหลายครั้งแล้ว แต่เมื่อให้โอนเงิน กลับให้โอนไปที่บัญชีของผู้ที่ใช้ชื่อว่า ‘คำจันทน์ เลื่อมมี’ เป็นบัญชีของธนาคารกรุงเทพ พร้อมทั้งบอกหมายเลขบัญชีไว้
นางอำพร จึงเดินทางมาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีตามความผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้น และติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป รวมถึงขอประกาศให้ทราบว่า ในขณะนี้ครอบครัวของเด็กชายที่ป่วยไม่ได้เปิดรับบริจาคเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด เนื่องจากเงินที่ได้รับเพียงพอสำหรับการรักษาแล้ว
ทั้งนี้ ร.ต.อ.คำนวน ได้ตรวจสอบชื่อนามสกุลของผู้ที่อ้างตนตามระบุไว้ในเฟสบุ๊กแล้ว พบว่ามีตัวตนจริง เป็นหญิงอายุประมาณ 45 ปี แต่รายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย และได้ดำเนินการตรวจสอบไปยังธนาคารกรุงเทพเพื่อติดตามเจ้าของบัญชีดังกล่าวมาสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป รวมถึงนางอำพรได้แจ้งความให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
