เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.วันนี้(30ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ท.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 นำทีมแถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ พร้อมด้วยหลักฐาน สมุดบัญชี บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 14 ชุด คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง พร้อมกันนี้ได้จับกุมผู้ต้องหา อีก 6 ราย

ประกอบไปด้วย Mr Mditry Gordeev อายุ 30 ปี ชาวรัสเชีย น.ส.วราภรณ์ โพธิ์สาร นางสายพิน จันแก้ว น.ส.เปมิกา หนีภัย นายวินัย ชัยชนะมงคล น.ส.ชนิดา แพรแสง ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจังหวัดมุกดาร

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 60 ได้มีกลุ่มคนร้าย โทรศัพท์ 02 ไปหา ผู้เสียหายว่ามีพัสดุตกค้างจาก ไปรษณีย์กลางกรุงเทพมหานครมีสมุดบัญชีชื่อของผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และจะให้เจ้าพนักงานโทรหาอีกครั้ง ต่อจากนั้นได้มีเบอร์ โทรศัพท์ 043 แจ้งว่าเป็นเจ้าพนักงานจาก ตร.ภาค 4 กล่าวหาว่าผู้เสียหายมี คดีเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องทำการตรวจสอบบัญชีผู้เสียหายโดยหลอกให้โอนเงิน เข้าบัญชีตามที่บุคคลซึ่ง อ้างตัว ว่าเป็น ตำรวจ ภูธรภาค 4 แจ้งหมายเลขบัญชีให้กับผู้เสียหายทราบ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินให้บุคคลดังกล่าวตามบัญชีที่คนร้ายบอก

จากนั้นเงินของผู้เสียหายก็ได้ถูกกลุ่มคนร้ายกดเงินสดออกจากบัญชีที่คนร้ายเตรียมไว้ตามสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ แล้วหลบหนี คิดเป็นจำนวนเงินที่เสียไปกว่า 1,600,000 บาท

พล.ต.ท.สุรชัย ควรเตชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบทราบว่า หมายเลขที่คนร้ายใช้หลอกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ใช้หมายเลข 02 และอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจภูธรภาค 4 หมายเลข 043 เป็นการโทรผ่านระบบ Voice Over Internet Protocol หรือระบบโทรผ่านอินเทอร์เนต ซึ่งมาจากนอกราชอาณาจักร มาจากใต้หวันและฮ่องกง

ทั้งจากการ ตรวจสอบหมายเลขบัญชี ธนาคารที่กลุ่มคนร้ายใช้ในการหลอกรับโอนเงินจากผู้เสียหาย เป็นบัญชีที่กลุ่ม คนร้ายว่าจ้างคนอื่นเปิดให้ และบุคคลที่ทำหน้าที่กดเงินออกจากบัญชี ส่วนมากเป็นคนต่างชาติ และมีคนไทย คอยนำทาง

ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตร.ภาค 4 ได้จัดเจ้าหน้าที่ออกติดตามสืบสวนติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในภาค 4 ตลอดมาจนสามารถ ควบคุมกลุ่มคนร้าย รวบรวมหลักฐานและออกหมายจับผู้ต้องหา และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการทั้งอยู่ที่ไทย และต่างประเทศ และออกติดตามจับกุม

โดยในการติดตามกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ พบว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 เวลา 15.14 น. มีคนร้ายแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ พัสดุไปรษณีย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกเอาข้อมูล รหัส OTP จากผู้เสียหายรายหนึ่ง จนผู้เสียหายหลงเชื่อ และได้โอนเงินจากบัญชีผู้เสียหายคือ นางรุ่งทิพย์ นครังสุ ไปยังบัญชี นายมาหะมะ คามิ คนร้าย ได้กดเงินผู้เสียหายไป จำนวน 89,500

ต่อมา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า พบเห็น นาย LIM SEK HOU มาเปิด ห้องพักที่ สลีฟ วิธมี จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุได้จับตัว นาย LIM SEK HOU ผู้ต้องหาตายหมายจับที่ จ.19/2561 ลงวันที่ 24 มกราคม 2561 จึงจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว

สอบถาม ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวจริงและก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีกหลายท้องที่ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท จึงจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

“อยากฝากเตือนประชาชนอย่างหลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซนเตอร์พวกนี้ง่ายๆ เอาเสียเงินโดยใช่เหตุ ซึ่งกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นเครือข่ายรายใหญ่ ที่มีชาวมาเลเซีย และชาวไต้หวัน ร่วมกับคนไทยเพื่อหลอกเหยื่อ คาดว่าหลังจากจับแก๊งนี้ได้แล้วปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ จะลดลง”พล.ต.ท.สุรชัยกล่าว

ที่มา – ผู้จัดการออนไลน์