เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สาวเมืองชลแทบช็อก หลังเกิดอาการ ครรภ์เป็นพิษ หมอวินิจฉัยต้อง ขูดมดลูก เพื่อยุติการตั้งครรภ์ ตะลึง! ผ่านไป 4 เดือน ลูกยังอยู่ในท้อง หวั่นลูกจะออกมาพิการ

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสาวศิริรัตน์ ดำกุล อายุ 42 ปี ว่า ลูกสาวได้ตั้งครรภ์ประมาณ 9 สัปดาห์ แล้วไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่แหลมฉบัง โดยแพทย์ตรวจพบว่าลูกสาวที่ตั้งครรภ์มีอาการโปรตีนรั่ว ความดัน และครรภ์เป็นพิษ จะต้องยุติการตั้งครรภ์โดยการขูดเอาก้อนเนื้อออกมา หลังจากขูดเสร็จประมาณเดือนที่ 4 ลูกสาวได้มีอาการเหมือนคนตั้งครรภ์ จึงลองไปอัลตร้าซาวด์ที่คลินิกแห่งหนึ่งในอำเภอศรีราชาพบว่า ภายในท้องของลูกสาวยังมีเด็กอยู่ในท้อง ระยะครรภ์ประมาณ 5 เดือนแล้ว มองเห็นเป็นรูปร่างแล้ว จึงรู้สึกตกใจที่แพทย์ให้ยุติการตั้งครรภ์และขูดเอาก้อนเนื้อออกไปแล้ว แล้วทำไมลูกสาวยังมีเด็กอยู่ในท้องจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง ซึ่งทางแพทย์ที่ตรวจก็ตกใจว่าทำไมจึงเกิดการตั้งครรภ์ได้อีก ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ จึงยอมรับผิดและจะทำการดูแลตลอดจนกว่าจะคลอดเด็กออกมา

แต่ที่ออกมาร้องสื่อนั้นเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับผู้ที่ต้องเจอประสบการณ์เช่นนี้ด้วย โดยที่ไม่ได้คิดจะฟ้องร้องกับทางโรงพยาบาลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ รวมทั้งตนเองและลูกสาวยังมีความกังวลใจว่า หลังจากนี้ลูกสาวและเด็กในครรภ์จะเป็นอันตรายหรือไม่ เนื่องจากครั้งแรกตรวจว่าครรภ์เป็นพิษจะต้องขูดเอาก้อนเนื้อออก แต่มาตอนนี้กลับยังมีเด็กอยู่ในท้อง และยังกังวลอีกว่าถ้าเด็กคลอดออกมาแล้วร่างกายพิการ ไม่สมประกอบ ใครจะรับผิดชอบ

ด้าน นางสาวศิริวรรณ เผยว่าตั้งครรภ์ประมาณ 9 สัปดาห์ ก่อนที่แพทย์จะนัดครั้งที่สาม ให้ไปฟังผลเลือดและปัสสาวะ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่แหลมฉบัง โดยทีมแพทย์ได้ตรวจพบว่า ปัสสาวะมีโปรตีนรั่ว มีไข่ขาวในปัสสาวะเยอะมาก มีความดันสูงกว่าปกติถึง 160 แพทย์จึงมีความเห็นว่าควรยุติการตั้งครรภ์ จึงปรึกษากับแฟนแล้วจึงตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์แล้วนอนโรงพยาบาลในวันนั้นเลย โดยแพทย์ได้ให้ทำการหยุดยา และตนเองมีอาการตกเลือดด้วย หลังจากนั้นพยาบาลก็มาแจ้งว่าต้องทำการขูดมดลูก ต้องเข้าห้องผ่าตัดในวันนั้นเลย เนื่องจากแพทย์ได้ตรวจพบว่าครรภ์เป็นพิษ พออายุครรภ์มากๆ เด็กและแม่เด็กอาจเกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงได้ทำการขูดมดลูกออก เมื่อขูดออกแล้วตนเองก็ไม่มีอาการตามที่แพทย์บอกคือจะมีเลือดหรือลิ่มเลือดไหลออกมา แต่ตนเองก็ไม่มีอาการเช่นนั้น แต่มีอาการเวียนศีรษะหน้ามืดเหมือนคนแพ้ท้องเท่านั้น

หลังจากนั้นแพทย์ได้นัดในวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ตนเองรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรต่อยอยู่ในท้องจึงโทรไปบอกอาการให้แม่ฟัง แม่ก็ยังคิดว่าเป็นท้องมาร หรืออาจจะเป็นท้องเก่าที่ไปหาหมอขูดออกหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจ แต่ตนเองยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเหมือนคนตั้งครรภ์อยู่เลย ซึ่งตนเองก็ยังซื้อเครื่องมือตรวจครรภ์มาตรวจ และพบว่าผลตรวจออกมายังขึ้นว่าตั้งครรภ์อยู่เลย

หลังจากนั้นตนเองจึงได้ไปอัลตร้าซาวด์ที่คลินิกก็พบว่า ยังมีเด็กอยู่ในท้อง แพทย์บอกอายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน ก็ตรงตามที่ตรวจในครั้งแรกว่าตนเองตั้งครรภ์ช่วงเดือนพฤศจิกายน มาถึงตอนนี้ก็ 5 เดือนพอดี ตนเองจึงสงสัยว่าครั้งที่ผ่านมาแพทย์ที่ผ่าตัดคงจะขูดออกไม่หมดหรือเปล่า แต่สิ่งที่กลัวในตอนนี้คือกลัวลูกที่จะออกมานั้นร่างกายพิการ กลัวจะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าหากว่าเราเป็นอะไรไป

ตนเองไปตรวจครรภ์มา แพทย์ก็บอกว่าเด็กปกติดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กในท้องจะมีร่างกายครบสมบูรณ์หรือเปล่า ที่ออกมาพูดในวันนี้ก็อยากจะบอกไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณแม่ที่กำลังจะมีลูก ในกรณีที่แพทย์บอกให้ยุติการตั้งครรภ์บางครั้งอาจจะผ่าตัดสำเร็จและบางครั้งอาจจะไม่สำเร็จเช่นตนเอง ซึ่งแพทย์ก็ยังยอมรับว่าการผ่าตัดอาจจะขูดออกมาไม่หมด หรืออาจมีเด็กที่เป็นแฝดอยู่ในครรภ์อีกคน ซึ่งแพทย์เองทำงานมากว่า 30 ปีก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งทีมแพทย์ก็ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดในการผ่าตัดครั้งนี้ ซึ่งก็จะรับผิดชอบดูแลรักษาจนกว่าจะคลอดเด็กออกมา