เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สาวฝรั่งแก้แค้นแฟนหนุ่ม หลังจับได้ว่านอกใจ แต่ไม่ยอมรับ แฟนสาวเลยจัดให้! ปรินต์แชทที่คุยกับสาวอื่น แปะซะเต็มห้องกันเลยทีเดียว

ไวรัลการแก้แค้นสุดสะใจเป็นของ เอมิลี่ ซัมบราโน สาวสวยจาก TikTok หลังเธอจับได้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจ แต่ยังมีหน้ามาปฏิเสธ เลยจัดเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ งัดหลักฐานการนอกใจมาให้เห็นแบบเต็มๆตา และไม่ใช่แฟนหนุ่มคนเดียวที่เห็น แต่ยังมีชาวเน็ตทั่วโซเชียลอีกด้วย!

เอมิลี่กล่าวว่า เธอรับรู้ได้ว่าแฟนหนุ่มกำลังนอกใจมาสักระยะ จุดเริ่มต้นของความสงสัยคือ แฟนหนุ่มขอให้เธอบล็อกแฟนเก่าของเขาในอินสตาแกรม แถมยังมีท่าทีที่หวงโทรศัพท์มากเกินไป ปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง อีกทั้งเขายังมีประวัตินอกใจแฟนเก่ามาก่อน เธอจึงเริ่มสืบเรื่องราวอย่างจริงจัง ก่อนเริ่มจัดเซอร์ไพรส์ได้เพียง 4 วัน

“เขาหาว่าฉันบ้าและขี้หวาดระแวง กลัวว่าเขาจะนอกใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจพิมพ์หลักฐานทั้งหมดที่ฉันเจอ วิธีนี้มันสามารถมัดตัวเขาได้อยู่หมัด ทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้อีก ในฐานะที่เขาเป็นแฟนหนุ่มที่ดี ฉันจึงตัดสินใจตกแต่งห้องให้เขาใหม่” เอมิลี่กล่าว

ขั้นตอนแรกของการทำเซอร์ไพรส์ เอมิลี่ได้พิมพ์บทสนทนาของแฟนหนุ่มกับผู้หญิงคนอื่น รวมถึงภาพเปลือยที่แอบส่งให้กันด้วย เธอมุ่งหน้าไปร้านค้าเพื่อซื้อสเปรย์กาวชนิดที่ติดทนมา จากนั้นก็นำภาพหลักฐานมาแปะจนเต็มผนังห้อง

เอมิลี่ตัดสินใจไม่อยู่ดูปฏิกิริยาของแฟนหนุ่มที่มีต่อ “ผลงานชิ้นเอก” ของเธอ เธอแค่พิมพ์บอกเขาว่ามีเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่รออยู่ที่ห้องนอน เมื่อเขาตอบมาว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน เธอก็จัดการบล็อกเขาทันที เธอลงทุนจัดฉากวางลูกโป่งสวยงามและป้ายกระดาษตลอดทางเดินไปห้องนอน เพื่อไม่ให้เขาระแคะระคาย

หลังจากที่แฟนหนุ่มเห็นเซอร์ไพรส์ที่เตรียมไว้ให้ เขาก็พยายามติดต่อเอมิลี่ แต่เนื่องจากถูกบล็อกจึงได้แต่ทิ้งข้อความเสียงไว้ ตามที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด เขาไม่ได้กล่าวคำขอโทษหรือคำอธิบายใดๆ แต่เลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่าง นอกจากนี้ยังพยายามสร้างบัญชีปลอมขึ้นมา เพื่อใช้แก้ต่างให้ตนเอง แต่ไม่นานก็ถูกชาวเน็ตถล่มจนต้องปิดบัญชีไป

หลังจากได้กระแสตอบรับจากชาวเน็ตอย่างล้นหลาม มีหลายคนสงสัยว่าเอมิลี่จะกลับไปหาแฟนหนุ่มหรือไม่ เธอได้ออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่า ไม่ว่าแฟนหนุ่มจะทำเช่นไร เธอก็ไม่กลับไปหาเขาอีกแน่นอน “เขาเคยมีประวัติการนอกใจมาก่อน ดังนั้นฉันไม่อยากให้โอกาสเขาอีก”

ขอบคุณที่มา TikToknewsweek