ผู้ว่าฯระยอง เร่งทำหนังสือถึง ศบค. ขอวัคซีนโควิด หลังอดล็อตแรก!

จากกรณีที่ นางอนุชิตา ชินศิระประภา ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หอการค้า จ.ระยอง และเจ้าของโรงแรมโกลเด้นซิตี้ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่จังหวัดไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรกที่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฝากให้ภาครัฐทบทวน เพราะระยองเป็นหนึ่งใน 5 จังหวัดที่มีการระบาดรุนแรง สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนชาวระยอง จึงต้องการให้ทบทวนให้ จ.ระยองได้รับการฉีดวัคซีนในล็อตแรก

ล่าสุดวันที่ 25 ก.พ.64 นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง ได้ทำหนังสือ (ด่วนที่สุด) โทรสารราชการจังหวัดระยอง ถึง ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ ตามที่ได้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทย ตั้งแต่ตันปี 2563 จนถึงปัจจุบันนั้น จังหวัดระยองขอเรียนว่า จังหวัดระยองได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 3 ครั้ง

คือ 1.ผลกระทบ จากการแพร่ระบาดรอบแรกในช่วงต้น 2562, 2.ผลกระทบจากกรณีทหารอียิปต์ และ 3.ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจังหวัดระยองถูกจัดเป็นคลัสเตอร์หลักของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทั้ง 3 ครั้งดังกล่าว ส่งผลโดยตรงอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจในจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

ประกอบกับจังหวัดระยองเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งถือเป็นสนามบินหลักที่จะรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) จะทำการผ่อนผันให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเหตในภาพรวม

ดังนั้น จากเหตุผลดังกล่าวข้างตันจังหวัดระยอง จึงขอความอนุเคราะห์ให้ศูนย์บริหาร สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) พิจารณาจัดสรรวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้แก่จังหวัดระยองเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 4,000 โดส เพื่อที่จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในแก่ประขาชน นักท่องเที่ยว และภาคธุรกิจเอกชนของจังหวัดระยอง และ เป็นการส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป