เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

โรคอ้วนเป็นภัยที่น่ากลัวอีกอย่างนึงซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ตัว ถ้าอาการหนักขึ้นอาจเป็นเช่นหนุ่มคนนี้ วันที่ 22 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งมีชายหนุ่มวัย 20 ปี ป่วยเป็นโรคอ้วนมีน้ำหนักตัวมากกว่า 250 กิโลกรัม(กก.) จะลุกจะนั่งก็ลำบากและเดินไม่ไหว อีกทั้งยังมีหลายโรครุมเร้า โดยพักอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาว จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่หมู่บ้านบัวสีเงิน บ้านพักเลขที่ 100/118 หมู่ 2 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบเป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียวปลูกติดกัน ภายในบ้านพบนางสมจิตร พุกนุ่น อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน กำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้กับนายลัทธพล พุกนุ่น หรือน้องอ๊อฟ อายุ 20 ปี บุตรชาย

นางสมจิตร เปิดเผยว่า บุตรชายป่วยเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจโต โรคหอบหืด โรคความดัน และด้วยน้ำหนักตัวที่มากถึง 250 กก. ส่งผลทำให้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน หากลุกยืนเป็นเวลานานก็จะล้มเนื่องจากข้อเท้าเริ่มเสื่อมรับน้ำหนักตัวไม่ไหว จะลุกเข้าห้องน้ำก็ยากจึงต้องเอากระบอกปัสสาวะไว้ใกล้ตัว ต้องนอนเฉยๆ อยู่กับบ้านเพียงลำพัง เนื่องจากตนเองต้องขี่รถจักรยานยนต์ไปตระเวนขายขนมจีนน้ำยาให้กับลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ ส่วนบุตรสาวก็ออกไปทำงานประจำ ก่อนหน้านี้สามีก็เพิ่งเสียชีวิตไปโรคมะเร็ง ทำให้ปัจจุบันครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบาก มีภาระรายจ่ายมากมาย อาทิ ค่าบ้าน ค่าเดินทางเวลาพาบุตรชายไปรักษาพยาบาล เป็นต้น

“อาการของน้องอ๊อฟเริ่มน่าเป็นห่วง เพราะหลังจากเวลาเข้านอนช่วงกลางคืนมักจะหลับลึกเรียกปลุกไม่ค่อยตื่น ต้องเขย่าตัวหรือตีแรงๆ ให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เนื่องจากไปพบแพทย์แล้วแจ้งว่าถ้าหากบุตรชายนอนหลับยาวอาจหยุดหายใจไปเฉยๆ อาจถึงขึ้นเสียชีวิตได้ในที่สุด จึงต้องการถังออกซิเจนและอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจให้กับบุตรชายไว้ใช้ยามจำเป็น ที่ผ่านมาตนพาบุตรชายไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนที่แพทย์จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดีและแนะนำให้ผ่าตัดกระเพาะอาหาร แต่ไม่สามารถรับรองได้ว่าถ้าหลังผ่าตัดแล้วคนไข้จะฟื้นร่างกายปกติหรือไม่ ซึ่งบุตรชายก็อยากจะหายจากโรคอ้วนเพราะต้องการไปหางานทำช่วยเหลือภาระครอบครัว และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป

ทั้งนี้จึงขอวิงวอนผู้ใจบุญมีจิตเมตตา หรือหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเรื่องค่ารักษาพยาบาล สามารถติดต่อช่วยเหลือผ่านทางบัญชีนายลัทธพล พุกนุ่น ธนาคารออมสิน สาขาท่ามะปราง เลขที่ 020206815308 หรือโทรศัพท์สอบถาม 0-8667-89671

ที่มา – กรุงเทพธุรกิจ